KS Daily View 04.06.2024 >>> มอง SET ฟื้นตัว ตาม bond yield ปรับลง/ USD อ่อนค่า ประเมิน SET ซื้อขายในกรอบ 1,340-1,355 จุด แนะนำ DELTA, MTC

Theme การลงทุนในสัปดาห์นี้: ประเมินตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวในสัปดาห์นี้หลังถูกกดดันทั้งจากปัจจัยภายในและต่างประเทศในสัปดาห์ก่อน จากความผิดหวังในการประชุมครม.เศรษฐกิจรอบแรกยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชัด อีกทั้งยังมีประเด็นความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศ กอปรกับเจ้าหน้าที่ Fed หลายสาขาออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงต้องการเห็นความคืบหน้าของเงินเฟ้อว่ามีทิศทางการปรับตัวลดลงที่ชัดก่อนจึงจะมีความมั่นใจในการเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโนบาย เราประเมินสัปดาห์นี้ดัชนี SET index จะซื้อขายในกรอบ 1,330-1,355 จุด มองtheme หลักคือการเก็งกำไรการฟื้นตัวของการค้าจีนและมุมมองต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)ในวันพฤหัสฯ ซึ่งคาดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตัวเลขการค้าจีนที่คาดว่าจะฟื้นตัวชัดขึ้นและตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในวันศุกร์ สัปดาห์นี้เราแนะนำพอร์ตลงทุนใน MTC, DELTA, KCE, TRUE และ BEM โดยเก็งกำไรสอดรับการคาดการณ์ว่าตลาดจะฟื้นตัวในสัปดาห์นี้ ผสมกับตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ประเมินดัชนีวันนี้ฟื้นตัว โดยมองดัชนี SET index ซื้อขายในกรอบ 1,340-1,355 จุด หนุนจาก bond yield สหรัฐฯที่ปรับตัวลงและค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าหลังรายงานตัวเลขภาคการผลิต ISM PMI ออกมาต่ำคาดส่งผลให้ตลาดมองอาจมีโอกาสมาขึ้นที Fed จะลดดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปีนี้ มากขึ้นจากเดิมที่มองเหลือแค่ 1 ครั้ง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. Bond yield สหรัฐฯ ปรับตัวลงและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE เดือนเม.ย. เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 0.2% MoM และ 2.8%YoY แม้รายงานตัวเลขจะออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่การเพิ่มขึ้นในเชิงของ MoM ที่รายงานนั้นเป็นภาพของการชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่เร่งตัว 0.3%MoM กอปรกับข้ามคืนวานนี้รายงานตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐฯ ISM PMI ออกมาอ่อนแอที่ 48.7 จุด ต่ำคาดที่49.8 จุดและลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.2 จุด หนุนให้ตลาดกลับมามองมีโอกาสมากขึ้นที่ Fed จะลดดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มองเหลือแค่ 1 ครั้ง
  1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ช่วงข้ามคืนมีปัญหาทางเทคนิคในการแสดงราคาหุ้นบางตัวเช่นหุ้น A-class ของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway), หุ้นบาร์ริค โกลด์ (Barrick Gold) ซึ่งระบบแสดงผลว่าร่วงลงกว่าถึง 90%
  1. OPEC+ มีมติขยายเวลาลดกำลังการผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วันไปถึงสิ้น 3Q24 จาก 1) การลดกำลังการผลิตตามโควต้า 2 ล้านบาร์เรล/วัน 2) การลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจรอบแรก 1.66 ล้านบาร์เรล/วัน และ 3) การลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจรอบ 2 รวม 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยนักวิเคราะห์ KS มองเป็นกลางต่อมติ OPEC+ ในครั้งนี้ เนื่องจากสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์และคงสมมุติฐานน้ำมันดิบไว้ที่ 85 เหรียญ/บาร์เรล ในส่วนการใช้พลังงานในประเทศ กรมธุรกิจพลังงานเปิดเผยว่า ใน 4 เดือนที่ผ่านมายอดการใช้น้ำมันเครื่องบินมีการเติบโต 18.6% YoY ขณะที่ยอดการใช้น้ำมันดีเซลมีการปรับตัวลดลง 5% YoY โดยมองเป็นบวกกับ BAFS
  1. สมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์เตรียมเสนอมาตรการระงับLTV ชั่วคราวแบบปีต่อปีต่อธปท. หลังจากมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาในรอบแรกที่ออกมาวันที่ 9 เม.ย. ได้ผลเพียงเล็กน้อยขณะที่ rejection rate ยังคงอยู่ในระดับสูง และเสนอให้รัฐให้ขยายโควต้าต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมจาก 49% เป็น 60% ของพื้นที่โครงการ มองเป็นบวกกับกลุ่มอสังหาฯ
  1. รฟม.มีแผนที่จะจัดประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กิโลเมตรในเดือนมิถุนายน 2567 ทั้งนี้จะมีการขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทาง รวมระยะทาง 1,123 กิโลเมตรเสนอต่อกระทรวงคมนาคม ในเส้นทาง ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา, ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี, ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย,และช่วงชุมทางถนนจิระ –อุบลราชธานี มองเป็นบวกกับกลุ่มรับเหมา

Daily pick

DELTA: ราคาพื้นฐานที่ 79.0 บาท 

มองบริษัทรายงานกำไรฟื้นตัวใน 2H24 จากระดับ inventory ของลูกค้าที่เริ่มปรับลดลง ประกอบเชื่อได้ sentiment บวกจากตัวเลขส่งออก power supply เดือน เม.ย. ที่ปรับตัวขึ้น 32% YoY อีกทั้งการรายงานตัวเลข US Core PCE เดือน เม.ย.ที่เริ่มชะลอตัวลง MoM ทำให้ตลาดปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยนโยบาย Fed ปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 2 ครั้ง เป็นsentiment บวกกับหุ้น technology

MTC: ราคาพื้นฐาน 52.0 บาท 

มองแรงกดดันจากการขายหลังถูกปรับออกจากการคำนวณเพื่อRebalance MSCI น่าจะหมดลงแล้ว ขณะที่ด้านพื้นฐานบริษัทยังแข็งแกร่งแนวโน้มของกำไรใน 2Q24 ยังคงจะเติบโต YoY และ QoQ จากสินเชื่อที่เติบโตขึ้น, cost to income ratio ที่ลดลง รวมถึง asset quality ที่ควบคุมได้ดีเมื่อเทียบกับกลุ่ม อีกทั้งการรายงานตัวเลข US Core PCE เดือน เม.ย.ที่เริ่มชะลอตัวลงMoM ทำให้ตลาดปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยนโยบาย Fed ปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 2 ครั้ง แนวโน้มดอกเบี้ยที่ลดลงเป็นบวกกับหุ้นกลุ่ม Finance เนื่องจากจะช่วยให้ cost of fund ลดลง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันอังคาร ติดตามตัวเลขผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของไทย (TH S&P Global Manufacturing PMI) เดือน พ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 48.6 จุด ในส่วนของฝั่งสหรัฐติดตาม ตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job openings) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 8.3 ล้านตำแหน่งชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 8.49 ล้านตำแหน่ง

วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน (Caixin Services PMI) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 51.6 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.4 จุด ต่อด้วยตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (CPI) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.17% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.19% YoY และติดตามรายงานตัวเลขการจ้างงานฝั่งสหรัฐ (ADP Non-Farm Employment Change) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.75 แสนตำแหน่งชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.92 แสนตำแหน่ง ท้ายสุดติดตาม ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ (ISM Services PMI) ) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 51.0 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.4 จุด

วันพฤหัสฯ ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)ตลาดคาดอาจมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายลดลงจาก 4.50% เป็น 4.25% ต่อด้วยรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.19 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขส่งออกของจีนเดือน พ.ค. เทียบกับก่อนหน้าที่ +1.5% YoY และ ตัวเลขนำเข้าของจีนเดือน พ.ค. เทียบกับก่อนหน้าที่ +8.4% YoY ต่อด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่รายงาน การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls)เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.80 แสนตำแหน่ง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.75 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่  3.9% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า

- Advertisement -