Daily Focus: Selective Play

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ :  SET Index ปรับขึ้นดีในช่วงเปิดตลาด ก่อนจะมีแรงขายกดดันให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบถึง 8.34 จุด ที่ระดับ 1,337.32 จุด อ่อนแอกว่าคาด ส่วนมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.6 หมื่นลบ. กลุ่มสื่อสาร การแพทย์ และบรรจุภัณฑ์ ปรับตัวบวกสวนตลาด สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีก 984 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง 2.2 พันลบ. (และ Short Index Futures อีกบางๆ 3.1 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways โดยมีแนวรับหลักที่ Low เดิม 1,330 จุด ภาพรวม Bond Yield สหรัฐฯที่อ่อนตัวลง โดยล่าสุดอายุ 10 ปี แตะระดับ 4.33% หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงสัปดาห์ล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาดทั้งเงินเฟ้อ PCE // ISM ภาคการผลิต // Job Openings ทำให้ตลาดคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED มากขึ้น โดยล่าสุดตลาดประเมินว่าจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. ด้วยความน่าจะเป็นเกือบ 80% อย่างไรก็ตามสินทรัพย์เสี่ยงไม่ได้ตอบสนองในเชิงบวกอย่างมีนัยยะเนื่องหลายดัชนีปรับตัวขึ้นแกร่งใสปีนี้ รวมถึงยังรอ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. ในคืนวันศุกร์ ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ตลาดคาด Headline +1.1% y-y ส่วน Core คาด +0.36%y-y ขณะที่การประชุมกนง.สัปดาห์หน้าคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% แต่ต้องติดตามประมาณการเศรษฐกิจว่าจะขยับไปในทิศทางใด ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศยังคง Overhang และจำกัด Upside ของดัชนีทั้งประเด็นศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยค่าร้องความเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณเศรษฐา ทวีสิน และการยุบ/ไม่ยุบพรรคก้าวไกล กลยุทธ์ยังแนะนำถือลงทุนต่อเนื่องและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีความเสี่ยงต่ำจากผลกระทบของปัจจัยในประเทศ

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาด // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน

หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU

FSSIA Portfolio: AOT, BDMS, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU

หุ้นเด่น Finansia 5 มิ.ย. 24 : MAGURO

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท
  • ดำเนินธุรกิจร้าอนาหารระดับ Premium – Mass สไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลี ปัจจุบันมี 3 แบรนด์ ได้แก่ MAGURO, SSAMTHING Together และ Hitori Shabu ปัจจุบันมี 26 สาขา ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เน้นลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง-สูง
  • จุดแข็งคือทีมงานผู้บริหารและการให้ความสำคัญกับ R&D บริษัทมีแผนขยายสาขาใหม่ในปี 2024 ราว 11 สาขาและคาด 3 ปีข้างหน้าจะเปิดไม่น้อยกว่าปีละ 10 สาขา และมีโอกาสขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เราคาดกำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย +30% CAGR

*** Finansia เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ***

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$693 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$528 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ไหลออก US$73 ล้าน ด้านอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศนำโดยไทย US$61 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลออก โดยตลาดคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED มากขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอ ตัวอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) กลุ่ม Bank และ Finance ธปท. เผยดัชนีราคารถยนต์มือสอง เดือน เม.ย.24 ลดลงต่อเนื่อง 1.9% m-m และ 22.0% y-y โดยดัชนีราคารถยนต์นั่งมือสองพลิกกลับมาลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน สวนทางกับดัชนี่ราคารถยนต์บรรทุกมือสองที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ซึ่งน่าจะยังเป็นผลมาจากสถานการณ์ supply รถในตลาดที่มีจำนวนมากเนื่องจากสถาบันการเงินส่วนใหญ่ยังคุมเข้มสินเชื่อ การเร่งยึดรถของผู้ประกอบการ และ การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า EV กลุ่ม Bank (Underweight) – KKP ได้รับผลกระทบมากที่สุด รองมาเป็น TISCO และ TTB ตามลำดับ ส่วนกลุ่ม Finance (Underweight) – กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่เริ่มเห็น sentiment บวกขึ้นเรียงตามลำดับผลบวก ได้แก่ MICRO ASK THANI ขณะที่กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน มีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยกับ Top pick ยังเป็น TIDLOR (ราคาเป้าหมาย 27 บาท) และ MTC (ราคาเป้าหมาย 50 บาท)

(-) ORI เผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัย ปัญหางานก่อสร้างล่าช้าจากการเปลี่ยนผู้รับเหมา ยังเป็นแรงกดดันต่อเนื่อง เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-26 ลง 32%/27%/25% เพื่อสะท้อนยอดโอนที่ต่ำกว่าคาด โดยปี 2024 คาดกำไรปกติ 1.4 พันลบ. -23% y-y หดตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ระยะสั้น 2Q24 คาดฟื้นตัว q-q แต่หดตัวแรง y-y ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 5.70 บาท ราคาหุ้น Upside จำกัดและขาด Catalyst คงคำแนะนำ “ถือ”

(-) BRI แผนเปิดตัวใหม่ปี 2024 อาจลดจาก 20 โครงการ เหลือ 6-10 โครงการ มูลค่า 1 หมื่นลบ. -40% Y-Y จากการขายใน 1Q24 ซบเซา และความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ ประเมินยอด Presales ปี 2024 หดตัว 30-40% Y-Y เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-2026 ลง 28%/19%/16% ตามลำดับ จากปรับลดยอดโอนสะท้อนโครงการใหม่น้อยกว่าคาดและความ คืบหน้าขายช้าลง รวมถึงปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นจากทำโปรโมชั่น และดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น โดย ปี 2024 คาดกำไรปกติ 606 ล้านบาท -45% Y-Y ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 5.40 บาท หุ้นขาดความ น่าสนใจเข้าลงทุน คงคำแนะนำ “ถือ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 140.26 จุด หรือ +0.36% ปิดที่ 38,711.29 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟด จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากการลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถ่วงหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานลง แม้การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดทรงตัว หลังโมดีชนะการเลือกตั้งอินเดียเป็นสมัยที่ 3 แต่พรรคประชาชน (Bharatiya Janata Party) ไม่ได้ที่นั่งข้างมากในสภาฯ

(0) ค่าเงินบาททรงตัว อยู่ที่บริเวณ 36.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.05%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.31% ปิดที่ 73.25 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลว่ากลุ่มโอเปกพลัส จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดอ่อนแอลงแล้วก็ตาม ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 73.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.15%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 21.90 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 2,347.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,346.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.04%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 832.21/ –

  

 

- Advertisement -