การเมืองเน่า ฉุดทั้งประเทศ / 1320-1335

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ลงต่อ: ภาพรวมทางฝ่ายมองแรงกดดันหลักมาจากจากการเมืองที่ไม่สงบ, เสถียรภาพของรัฐบาลที่สั่นคลอนจากการไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆได้อย่างชัดเจน ซ้ำเติมจากปัญหาเศรษฐกิจที่โตต่ำจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่ล้าสมัย สอดคล้องกับต่างชาติที่ย้ายเงินทุนไหลออกจากตลาดทุนไทย และการลงทุนทางตรงที่ลดลงหลังบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่ไม่แข็งแกร่ง ขาดการช่วยเหลือจนปิดโรงงานในไทย ทางฝ่ายสรุปปัจจัยกดดันวันนี้แบ่งเป็น 1) การมืองไทยกดดันสัปดาห์นี้มีประเด็นมากมาย ได้แค่ 10 มิ.ย.นายกชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมบูญกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน, 12 มิ.ย. พิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ก่อนที่สัปดาห์หน้าจะพิจารณา ม.112 นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดนี้ทำให้บรรยากาศการซื้อขายของนัสงทุนจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากการมืองไทยคาดเดายากสอดคล้องกับ 2) ต่างชาติทิ้งหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 12 วันทำการ สัปดาห์ที่ผ่านมาขายสุทธิ 6 พันลบ.ทำให้ปิดวันศุกร์ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิกว่า 8.82 หมื่นลบ. YTD 3) Sentiment เชิงลบจากตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ตลาด ด้วยแรงกดดันจากเฟตสาขาแอตแลนต้า เผยคาดการณ์ GDP สหรัฐไตรมาส 2Q67 เพิ่มขึ้นจากเดิม 2.6% สู่ 3.1% และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ขยายตัว 2.72 แสนตำแหน่ง มากกว่าคาด 1.82 แสนตำแหน่ง ทำให้เกิดแรงกดดันจากคาดว่าเฟดจะไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ 3) ติดตาม ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย ซึ่งแนวโม้มยังมีทิศทางปรับตัวลงต่อเนื่องจากเดือนก.พ.ที่ 63.8 ลดลงสู่เดือน เม.ย.ที่ 62.1 จุด ทำให้ทางฝ่ายมองเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่มจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังขาด Sentiment จากฝั่งจีน เนื่องจากปิดทำการในวันไหว้ป๊ะจ่าง ขณะที่แรงหนุนเข้าซื้อหุ้นไทยทางฝ่ายมองจาก 1) กลุ่ม Defensive จากการหนีเข้าสู่หุ้น Beta ต่ำ เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้ผันผวนน้อยกว่าตลาด 2) กลุ่มส่งออกอาหารและท่องเที่ยวมองยังได้ประโยชน์จากศก.ยุโรปที่ฟื้นตัวและฤดู High Season ของการท่องเที่ยวยุโรปกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) Rubber: NER, STA, STGT 2) Defensive: ADVANC, BH, INTUCH 3) กนง.คงดอกเบี้ย: KBANK, KTB 4) ยุโรปฟื้น-บอลยโร: CENTEL, DELTA, KCE, MINT, NSL, SAPPE, TACC, TU, XO 4) Short: AH, CK, IVL, PTTGC, SAT, STEC

ปัจจัยบวก

  • Eurostat เผย GDP ยูโรโซนงวดโตรมาส 1Q24 เติบโต 0.3%q-q และเติบโต 0.4%y-y จากงวด 4Q23 ที่ 0.00%q-q, +0.2%y-y สะก้อนภาพเศรษฐกิจยูโรโซนที่ฟื้นตัว นอกจากนี้เศรษฐกิจยูโรโซนยั่งได้แรงหนุนจาก ECB ที่พึ่งลดดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps
  • กระทรวงคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก เช่น Solar Rooftop โดยจะสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการจับจ่ายใช้สอย และเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
  • ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียแคลงในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า รัสเซียไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อให้ได้ชัยชนะกับยูเครน ทำให้แรงคดดันของสงครามว่าจะขยายวงคว้างเริ่มดูจำกัดลง
  • เดือนที่ผ่านมาราคาของ Soft Commodity ในสหรัฐส่วนใหญ่ปรับตัวลง เช่น ข้าวโพด -1.24%m-m, ข้าวสาลี -3.07% m-m และน้ำตาล 2.76% มองเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกอาหารและเป็นบวกต่อต้นทุนอาหารสัตว์

ปัจจัยลบ

  • Rhodium Group และ Mercator Institute for China Studies ในเยอรมนี เผยว่าบริษัทต่างๆ ของจีนลงทุน 6.8 พันล้านยูโร ใน 27 ประเทศของ EU และสหราชอาณาจักรในปี 2023 ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2010 และเป็นคารตอกย้ำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ล่งระหว่างยุโรปและจีน
  • ทาง Suzuki Motors Thailand ได้ประกาศจะยุติการผลิตรถยนต์ในโรงงานประเทศไทยช่วงสื้นปี 2025 โดยจะนำเข้ารถยนต์จากโรงงานประเทศอื่น โดยเฉพาะอินโดนีเซียเข้ามาทำตลาดแทน ทำให้เป็นผลลบต่อการจ้างงานในไทย, นิคมอุตสาหกรรม และไทยเริ่มมีความเสี่ยงด้าน Hub ยานยนต์อาเซียน
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า BOT จะมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ตลอดทั้งปี 2024 และมุมมองของ BOT จะยังคงมุมมองเดิมเรื่องเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน

PICKS OF THE DAY

KTB BUY

  • เป้าหมาย 18.50 / 19.00 แนวรับ 17.50
  • ได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ: มาตรการกระตุ้น รวมไปถึงโครงการลงทุนต่าง ๆ ของรัฐจะช่วยให้ความต้องการสินเชื่อมีมากขึ้น นอกจากนี้ KTB จะได้ประโยชน์จากการเป็นช่องทางในการส่งผ่านงบประมาณไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ KTB ได้รับสภาพคล่องต้นทุนต่ำ รวมไปถึงมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นด้วย
  • รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่ปรับลง: ยังคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับเดิม ยังไม่มีการปรับลดลง ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อยังทรงตัว และไม่ปรับลดลงไปด้วย

INTUCH BUY

  • เป้าหมาย 74.00 / 76.00 แนวรับ 70.00
  • อนาคตหวัง LTF เข้าซื้อ: ปัจจุบันหวังซื้อลดความผันผวน: ทางฝ่ายมองได้แรงหนุนจากกองทุน LTF หากกลับเข้ามาซื้อขาย จะช่วยเป็นแรงหนุนต่อหุ้น Big Cap และหุ้น INTUCH ส่วนภาพของดัชนี SET ที่ผันผวนอยู่ในปัจจุบัน การเลือกซื้อหุ้น Defensive เป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุน จากค่า Beta ของ INTUCH เพียง 0.64 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 1.00 จุด จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้
  • Data Center ฟีเวอร์: การที่ ADVANC จะลงทุนร่วมกับ GULF และ Sigtel ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการสร้างศูนย์ Data Center จะเป็นความหวังธุรกิจใหม่ และช่วยให้รายได้เติบโต ทำให้ INTUCH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน ADVANC จะได้ประโยชน์จากรายได้และกำไร ที่คาดจะเติบโตในระยะยาว ซึ่งจะช่วยหนุนให้ Dividend Yield ของ INTUCH เติบโตสูงกว่าปัจจุบันที่อยู่ระดับ 4.5%
- Advertisement -