Daily Focus: Selective Play
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง อ่อนแอกว่าที่เราคาด ดัชนีปรับลงระหว่างวันเกือบ 20 จุด ก่อนจะฟืนตัวลดช่วงลบเหลือ 9.97 จุด ณ สิ้นวันที่ระดับ 1,296.59 จุด ทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่อง มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.1 หมื่นลบ. ดัชนีปรับตัวลงเกือบทุกกลุ่ม นำโดย สื่อสารฯ ธนาคาร เกษตร เป็นต้น มีเพียงขนส่งที่ปรับตัวบวก สถาบันในประเทศมีสถานะในตลาดหุ้นทรงตัว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 18 อีก 2.7 พันลบ. (และ Short Index Futures เพิ่มอีก 1.46 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways รอความคืบหน้าของ 4 คดีการเมืองใหญ่ ซึ่งกดดันตลาดหุ้นไทยอย่างหนักในช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาจากความไม่แน่นอน โดยวันนี้ศาลจะมีคำตัดสินว่าพ.ร.บ.เลือก สว. ขัดรัฐธรรมนูญ และทำให้การเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นโมฆะหรือไม่ ขณะที่คดีขอยุบพรรคก้าวไกลและพิจารณาตำแหน่งนายกฯของคุณเศรษฐา คาดว่ายังไม่มีข้อสรุปในวันนี้ และต้องรอศาลนัดฟังคำวินิจฉัยอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับคดี ม.112 ของคุณทักษิณที่อัยการนัดส่งตัวฟ้องศาล หากมาตามนัดและได้ประกันตัวเรามองว่าจะเป็น Indicator บวก และมีโอกาสหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวในระยะสั้น เราประเมินหากผลการตัดสินของคดีการเมืองเป็นบวกต่อฝั่งรัฐบาล โดยเฉพาะคดีคุณเศรษฐาซึ่งหากยังคงอยู่ตำแหน่งและเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆได้ต่อ เราคาดว่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนฟื้นกลับมาและมีโอกาสเห็นการกลับตัวของดัชนี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการ Uptick ที่จะถูกใช้ในวันที่ 1 ก.ค. ช่วยจำกัด Downside ใน 2H24
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาด // รอดูแรงซื้อจากฐานแนวรับถัดไปบริเวณ 1,300+- จุด
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย.: CHG, CPALL, ITC, KCG, TFG
FSSIA Portfolio: AOT, BDMS, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU
หุ้นเด่น Finansia 18 มิ.ย. 24 : CPF
– แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท
– จีนประกาศสอบสวนการนำเข้าเนื้อหมูจากยุโรปว่ามีการทุ่มตลาดหรือไม่ โดยจีนนำเข้าคิดเป็นสัดส่วน 4.6% ของปริมาณหมูที่บริโภคทั้งประเทศ (ราว 58 ล้านตัน) และคิดเป็น 50% ของที่นำเข้าทั้งหมด หากยุโรปมีการทุ่มตลาดหมูจริงและจีนลดการนำเข้า หรือขึ้นภาษีนำเข้าหมูจากยุโรป เรามองเป็นบวกต่อราคาหมูในจีนที่อาจปรับขึ้น เป็นบวกต่อ CPF ซึ่งเป็นคนเดียวในกลุ่มเนื้อสัตว์ที่มีธุรกิจหมูในจีน
– ล่าสุดราคาหมูจีนยังปรับขึ้นต่ออยู่ที่ 18.77 หยวน/กก. +21% m-m สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงที่ 16 หยวนมาแล้ว 1 เดือน เป็นบวกต่อ 2Q24 ที่คาดพลิกมีกำไรได้แล้วจากหมูไทยและเวียดนาม และหากหมูจีนมีกำไรได้ จะช่วยหนุนให้กำไร 2Q24 ฟื้นตัวดีกว่าคาด
– แนวรับ 21//20.50 บาท แนวต้าน 22//23-23.20 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคผสมผสาน สุทธิแล้วไหลออกบางๆ US$130 ล้าน เม็ดเงินยังไหลเข้าไต้หวัน US$74 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$99 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลออกจากทั้งไทยและเวียดนาม US$73 ล้านและ US$31 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ปิดทำการ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังผสมผสาน โดยอาจมี Sentiment หนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอยู่บ้างหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯยังเดินหน้าทำ New High แต่คาดปริมาณยังไม่หนาแน่น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) PSL คาดกำไรปกติ 2Q24 ที่ 403 ลบ. +23% q-q, +56% y-y ไม่รวมกำไรจากการขายเรือที่เป็นรายการพิเศษ 40 ลบ. ถือเป็นกำไรแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6′ ไตรมาส โดยคาดรายได้จากการเดินเรือของ PSL ต่อลำใน 2Q24 ที่ USD 13,411 +8% q-q, +17% y-y สอดคล้องกับดัชนี BSI และ BHSI อีกทั้งจากสมมติฐานของเรา การฟื้นตัวของค่าระวางใน 2H24 ดูแข็งแกร่งกว่า 1H24 นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมรับเรืออีก 1 ลำในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. 2024 การขยายกองเรือและอายุเรือลดต่ำลงจะทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานดีขึ้น การปล่อย CO2 น้อยลง และลดรายจ่ายได้ดีขึ้น จึงน่าจะเห็นการปรับเพิ่มประมาณการในระยะถัดไปจากรายได้ที่ดีกว่าคาด ปัจจุบันเราคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 1.1 พันลบ. ราคาเป้าหมาย 10.30 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) SAFE เบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 54 ลบ. -19% q-q แต่ +5% y-y โดย 2Q24 คาดมีรายได้รวม 222 ลบ. -12% q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่ +1.5% y-y จากผลของการปรับขึ้นค่าบริการ แม้ 2Q24 จำนวนรอบของการเก็บไข่จะชะลอมาอยู่ที่ 306 รอบ จาก 339 รอบใน 2Q23 ขณะที่รายได้จากการให้บริการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนและโคโมโซมปรับขึ้นทั้ง q-q, Y-Y ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเชื่อว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 57% ลดลงจาก 1Q24 จากปัจจัยฤดูกาล แต่เพิ่มขึ้นจาก 54.7% ใน 2Q23 จากผลของการปรับขึ้นค่าบริการ แนวโน้ม 3Q24 จะเติบโต q-q และ y-y เพราะเป็นช่วง High Season ของลูกค้าต่างชาติ โดยลูกค้าหลักมาจาก CLMV อินเดีย สิงคโปร์และญี่ปุ่น ส่วนลูกค้าจีนคิดเป็นเพียง 6-7% ของรายได้รวม ดังนั้นกรณีที่รัฐบาลจีนอุดหนุนการทำ IVF ให้กับค้นจีนในประเทศในราคาที่ถูกนั้น เราคาดจะมีผลกับ SAFE น้อยมาก และที่สำคัญ หัวใจหลักของการทำ IVF คือ ความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ซึ่ง SAFE มีอัตราความสำเร็จที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 281 ลบ. +38% y-y ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) JMT โทนประชุมเป็นลบ ผู้บริหารให้ภาพกำไรสุทธิปี 2024 มีแนวโน้มลดลง y-y หลักๆ มาจากค่าใช้จ่าย ECL ที่สูงขึ้นตามปัญหาการจัดเก็บหนี้ที่ต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกันที่ลูกหนี้มีการเร่งปิดจบหนี้ที่ชะลอลง แนวโน้ม 2Q24 ผลการดำเนินงานยังทรงตัวใกล้เคียง 1Q24 และเป็นช่วง low-season ของการเก็บหนี้ สอดคล้องกับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2024 ของเราที่ 1.74 พันลบ. ลดลง 13.4% y-y กดดันจาก ECL และค่าใช้จ่ายทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดยอดจัดเก็บหนี้โตเพียง 3% y-y ถูกกดดันด้วยสภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนที่สูง และแบงก์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ สำหรับปี 2025-26 คาดกำไรสุทธิฟื้นตัวเฉลี่ย 9% CAGR ตาม ECL ที่ลดลงและ Cash collection ที่ฟื้นตัว ราคาเป้าหมาย 19 บาท แนะนำเพียง “ถือ”
(0) ตลท.ประกาศหุ้นเข้า-ออก SET50/SET100 งวด 2H24 สำหรับ SET50 หุ้นเข้า BCP BJC TIDLOR ITC หุ้นออก BANPU COM7 SAWAD KCE // ส่วน SET100 คาดหุ้นเข้า BA BJC CKP JAS MBK PRM QH SKY TIPH ออก AURA BYD FORTH MOSHI NEX ORI SNNP THG TKN
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 188.94 จุด หรือ +0.49% ปิดที่ 38,778.10 จุด ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นขานรับกระแส AI ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ และการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นจากการร่วงลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากตลาดวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศส
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก สอดคล้องกับทิศทางของตลาดสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตามองแนวโน้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.44%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.88 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 80.33 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ขานรับมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 80.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.10%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 20.10 ดอลลาร์ หรือ 0.86% ปิดที่ 2,329.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองในฝรั่งเศสเริ่มผ่อนคลายลง ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,340.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.47%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 825.31/ –