KS Daily View 19.06.2024 >>> SET รอปัจจัยใหม่ คดีการเมืองยังไม่จบเลื่อนไป 3 สัปดาห์ คาด SET วันนี้ซื้อขายในกรอบ 1,290 – 1,310 จุด แนะนำ MTC, SPRC
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้:
ประเมินดัชนีวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,290-1,310 จุด แนวโน้มหลักของดัชนียังเป็นการปรับตัวลง แต่เชื่อ downside risk เริ่มจำกัด ทั้งในแง่สายเทคนิคดูดัชนี oversold หรือ valuation เองแตะแนวรับบริเวณ PE ราว14x ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว -0.5SD และที่ PE 14x ตรงนี้เองก็เคยเป็นแนวรับสำคัญให้ในช่วงปี 2013 (ชุมนุมทางการเมือง), 2015 (เศรษฐกิจโตต่ำและการเบิกจ่ายงบรัฐล่าช้าหลังปฏิวัติ), 2018 (สหรัฐฯและจีนเริ่มสงครามการค้า) อย่างไรก็ดี แรงกดดันจากปัจจัยการเมืองยังคงเป็นประเด็นหลักทำให้การฟื้นตัวของดัชนียังถูกจำกัด เห็นได้จากวานนี้แม้สถานการณ์การเมืองดูคลี่คลายไปบางคดีเช่นกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่าการได้มาซึ่ง สว. ที่ใช้วิธีเลือกกันเองไม่ขัดรัฐธรรมนูญ การปรับตัวขึ้นของดัชนีทำได้แค่ในช่วงเช้า ขณะที่ในช่วงบ่ายเป็นการภาพของการเทขายต่อ เนื่องจากอีก 3 คดี ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยกรณีของคุณทักษิณศาลได้ประทับรับฟ้อง ส่วนคดียุบพรรคก้าวไกลและถอดถอนนายกฯ ศาลให้ยื่นเอกสารและพยานเพิ่มเติม โดยเลื่อนพิจารณาคดีเป็นวันที่ 3 และ 10 ก.ค. ตามลำดับ ซึ่งคือราวอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า ดังนั้นช่วงสั้นตลาดอาจหมุนมุมมองไปที่ปัจจัยอื่นเช่น มาตรการกำกับดูแลตลาดของทาง ตลท. การพิจารณาฟื้นกองทุน LTF หรือตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯและจีน รวมไปถึงแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ซึ่งเชื่อว่าส่วนใหญ่จะเป็นข่าวบวกและพอช่วงพยุงตลาดได้บ้าง
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.สรุป 4 คดีการเมืองวานนี้ที่ยังไม่ได้บทสรุปทั้งหมด โดยมีเพียงในส่วนของคดีการได้มาซึ่งสว. ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่าการได้มาซึ่ง สว. โดยใช้วิธีเลือกกันเองไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ขณะที่คดี ม.112 กรณีของคุณทักษิณศาลได้ประทับรับฟ้อง ส่วนคดียุบพรรคก้าวไกลและถอดถอนนายกฯ ศาลให้ยื่นเอกสารและพยานเพื่อไต่สวนเพิ่มเติม โดยเลื่อนพิจารณาคดีเป็นวันที่ 3 และ 10 ก.ค. ตามลำดับ ซึ่งคือราวอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังมีและยืดเยื้อต่อไป เป็น sentiment ลบต่อตลาด
2.รมต.คลังเผยเตรียมมาตรการกระตุ้นตลาดทุนครั้งใหญ่เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งรวมทั้งการพิจารณาฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) และการพิจารณาปรับเปลี่ยนเงื่อนไข กรอบเวลาหรือความครอบคลุมของการลงทุนในกองทุน Thai ESG ทั้งนี้ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด แต่เรามองหากมีการฟื้น LTF กลับมาอาจช่วยหนุนดัชนีให้ฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงปลายปีราว 40-80 จุด จากคาดการณ์เม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน LTF สุทธิราว 1-2 หมื่นล้านบาท
3.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมใช้มาตรการ uptick rule ทุกหลักทรัพย์หรือการขายชอร์ต (short) ที่ราคาสูงกว่าโดยจะเริ่มใช้วันที่ 1 ก.ค. 67 ทั้งนี้หลังจากใช้มาตรการดังกล่าวแล้วจะมีการประเมินผลหากไม่สามารถชะลอการ short ได้การพิจารณามาตรการที่เข้มข้นขึ้นเช่น Daily short limit ต่อไป เรามองเป็นปัจจัยบวก โดยคาดแรงขาย short selling มีแนวโน้มปรับลดลง เห็นได้จากตัวอย่างในต่างประเทศ รวมถึงไทยเองที่มีการใช้มาตรการนี้ในช่วง Covid-19
4.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเผย ตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail sales) เดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 0.1% MoM ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% MoM หลังชะลอตัวลง 0.2% MoM ในเดือนเม.ย. ตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในหลายๆส่วนกดดันให้ bond yield สหรัฐฯปรับลดลงและดึงให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าซึ่งเป็น sentiment บวกกับราคาสินทรัพย์เสี่ยง
5.ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับเพิ่มเป้าการเติบโตของ GDP อินเดียปี 2567/2568 เป็น 7.2% จากเดิม 7.0% โดยมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุน นอกจากนี้ยังคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของอินเดียจะถูกปรับลดลง 0.25% ในปีนี้ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟิทช์คาดว่าจะเติบโต 2.6% จากเดิม 2.4% หนุนจากการฟื้นตัวของยุโรปและภาคการส่งออกของจีน
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
MTC: ราคาพื้นฐานที่ 52.0 บาท
มองหุ้น MTC ได้ sentiment บวกจาก bond yield ที่มีการปรับตัวลง กอปรกับได้อานิสงค์บวกจากการที่บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตรมากที่สุด ซึ่งเรามองบริษัทจะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรของภาครัฐหรือราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานเราประเมินกำไร 2Q24 เติบโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ จากการพอร์ตสินเชื่อที่โตต่อ การคุม cost to income ที่ทำได้ดี และการจัดการ Asset quality ที่ถือว่าเหนือกว่ากลุ่ม
SPRC: ราคาพื้นฐาน 9.6 บาท
กำไร Q1/67 ดีกว่าคาด ขณะที่กำไรทั้งภาพปี 67 คาดโตแรงกว่า 500% และหุ้นซื้อขายเทรดอยู่แค่ PB 0.9x ถือว่าถูก แม้คนกล้ว Q2/67 กำไรอาจชะลอ แต่ประเมินแล้วมีแนวโน้มจะปรับคาดการณ์กำไรขึ้นมากกว่าจะปรับลง ค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับต่ำ 1-2 เหรียญฯก่อนหน้า ตอนนี้เริ่มฟื้นกลับมาอยู่ที่ 3-4 เหรียญฯแล้ว และจากแพทเทิร์นทางฤดูกาลในอดีตทุกปี เชื่อบริเวณนี้คือจุดต่ำสุดของปีและจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องแบบชัดขึ้นจากเดือนนี้เป็นต้นไป
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตามตัวเลขส่งออก (Export) ของญี่ปุ่นเดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 12.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.3% YoY และ ตัวเลขนำเข้า (Import) ของญี่ปุ่นเดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 9.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.3% YoY ขณะที่ตลาดสหรัฐหยุดทำการเนื่องจากเป็นวัน Juneteenth เฉลิมฉลองการเลิกทาส
- วันพฤหัสฯ ติดตาม Loan prime rate ของธนาคารกลางจีนเดือน พ.ค. ระยะเวลา 1 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.45% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และ Loan prime rate อายุ 5 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.95% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่อด้วย รายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.37 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.36 ล้านหลัง และปิดท้ายด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดที่ 2.35 ตำแหน่งชะลอตัวลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.42 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่น (Japan CPI) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.9% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.5% YoY ขณะที่ Core CPI ตลาดคาดที่ 2.2% YoY ลดลงจาก 2.4% YoY ในเดือนก่อนหน้า ในส่วนของสหรัฐติดตามรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 51 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้ารายงานที่ 51.3 จุด ต่อด้วย รายงานยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) เดือน พ.ค. ตลาดคาดที่ 4.10 ล้านหลัง ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.14 ล้านหลัง