บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย):
สนพ.ปรับลดประมาณการความต้องการใช้ก๊าซระยะยาว คาดกระทบ PTT และ PTTGC
ไทยจะใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าน้อยลงในระยะยาว
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ปรับลดประมาณการความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติระยะยาวในปี 2580 เหลือ 4,747mmscfd (CAGR 13 ปีที่ -0.2%) จาก 5,348mmscfd (PDP 2561) สะท้อนว่าไทยจะใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าน้อยลง จากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าปี 2567 (PDP 2567) ระบุว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซจะลดเหลือ 41% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าโดยรวมในปี 2580 เทียบกับ 53% ตาม PDP 2561
ปรับเพิ่มประมาณการอุปทานก๊าซในประเทศ
ประมาณการอุปทานก๊าซในประเทศปรับขึ้นเป็น 1,708mmscfd ในปี 2580 ตาม Gas Plan 2567 เทียบกับ 1,429mmscfd ตาม Gas Plan 2561 สะท้อนปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งเอราวัณ แต่ตัวเลขนี้ยังต่ำกว่า 2,645mmscfd ในปี 2567 หมายความว่าปริมาณสำรองปิโตรเลียมของไทยจะลดลง
นอกจากนี้ Gas plan 2567 ยังนับรวม “Potential Gas” เป็นหนึ่งในแหล่งจัดหาก๊าซระยะยาว ซึ่งจะมาจากการขยายเวลาสัญญาของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA), การต่ออายุสัญญาโครงการ Yadana รวมทั้งปริมาณก๊าซที่จะเพิ่มขึ้นอีก 5-15% ตาม DCQ (ปริมาณก๊าซที่ผู้ขายจะต้องส่งมอบตามสัญญาให้แก่ผู้ซื้อในแต่ละวัน) ของสัญญาซื้อขายก๊าซจากอ่าวไทย
แต่ Potential Gas นี้ ไม่รวมก๊าซจากพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทยกัมพูชา (OCA) น่าจะเป็นเพราะกรอบเวลาการเจรจายังไม่แน่นอน นอกจากนี้ ประมาณการ LNG นำเข้าถูกปรับลดเหลือ 2,300mmscfd ในปี 2580 ตาม Gas Plan 2567 เทียบกับ 3,418mmscfd ตาม Gas Plan 2561 เพราะอุปสงค์จากอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าลดลงอย่างไรก็ตาม Gas Plan 2567 อาจนำแผนก่อสร้าง FSRU (Floating Storage Regasification Unit) ในภาคใต้ของไทยในปี 2579 กลับมาใช้อีกครั้ง หากไม่มีการต่ออายุสัญญา JDA หลังครบกำหนด
คาดกระทบ PTT และ PTTGC
การที่อุปทานก๊าซในประเทศอยู่ที่ 1,708mmscfd ในปี 2580 หมายความว่าโรงแยกก๊าซของ PTT จะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเหลือเพียง 57% ส่วน “Potential Gas” 625mmscfd อาจทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 81% ในปี 2580 อย่างไรก็ตาม เรามองว่าอุปทานก๊าซยังมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากแหล่งก๊าซที่มีอยู่ในอ่าวไทย ยกเว้นแหล่งอาทิตย์และแปลง B8/32 น่าจะไม่สามารถเพิ่มการผลิต เนื่องจากปริมาณสำรองกำลังลดลง
นอกจากนี้
การที่ปริมาณก๊าซในประเทศลดลง ยังส่งผลให้วัตถุดิบอีเทนที่ใช้ป้อน Gas Cracker ของ PTTGC ลดลงเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ Gas Cracker มีอัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำ ยกเว้นว่าบริษัทจะใช้วัตถุดิบโพรเพน/แนฟทาเพิ่มมากขึ้น แต่วิธีนี้จะกระทบ EBITDA margin
แนะนำ Neutral หุ้นกลุ่มพลังงาน
ส่วนกรณีของ PTTEP เชื่อว่าถึงแม้ปริมาณสำรองก๊าซในประเทศจะลดลง แต่บริษัทยังสามารถจัดหาก๊าซเพิ่มจากต่างประเทศผ่านการซื้อกิจการ จึงยังแนะนำ Neutral กลุ่มพลังงาน สะท้อนความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลที่สูงขึ้น แม้ว่าอุปสงค์-อุปทานในอุตสาหกรรมโรงกลั่นน่าจะสมดุลมากขึ้น มองว่า upside risk จะมาจากความต้องการน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากการกลั่นที่สูงกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากการแทรกแซงราคาพลังงานของรัฐบาล