ปัจจัยพื้นฐานไทยยังไม่มีความผิดปกติอย่างมีนัยยะ
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones และตลาดหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวันเลิกทาสของสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่เคลื่อนไหวไม่มีทิศทางที่ชัดเจนกล่าวคือมีทั้งประเทศที่บวกและประเทศที่ลบ โดยการบวกและลบต่างก็ไม่ได้มี % ที่มีนัยยะ
Market Outlook
วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1281 หรือคิดเป็นการปรับฐาน 1.2% จากราคาปิดวานก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายตลาดได้แรงซื้อกลับเข้ามาจนปิดบวกได้ 0.5% โดยพบว่าแรงซื้อสุทธิหลักมาจากนักลงทุนภายในประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 2.69 พันล้านบาท ทั้งนี้เมื่อพิจารณาในเชิงปัจจัยพื้นฐานพบว่ายังไม่มีความผิดปกติอย่างมีนัยยะสำคัญ ในแง่เศรษฐกิจไทยความเห็นจากธนาคารแห่งประเทศไทยและ Bloomberg Consensus มองตรงกันว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 1Q24 และแนวโน้มหลังจากนี้จะเร่งตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยแม้การเติบโตจะไม่ได้โดดเด่นเท่ากับตลาดหุ้นโลก แต่ Bloomberg Consensus ก็ยังประเมินว่ากำไรจะขยายตัวได้ 13%YoY ในปี 24 นอกจากนี้หากพิจารณาที่เป้าหมายดัชนีจาก Bloomberg Consensus ก็จะพบว่าให้ไว้ที่ 1,605 จุด หากเทียบกับ 1 เดือนก่อนหน้าประเมินไว้ที่ 1,615 จุด (ปรับลงเพียงเล็กน้อย) ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียน (SET EPS) ปี 24 ล่าสุด Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 92.94 บาท / หุ้น ถูกปรับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วง 1 เดือนก่อนหน้าที่ 93.6 บาท / หุ้น ดังนันปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยในแง่ของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไม่ได้มีความผิดปกติอย่างมีนัยยะมาก จึงเชื่อว่าเป็นเรื่องของกระแสเงินทุนมากกว่าที่เป็นแรงกดดัน โดยในช่วง YTD นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิมากถึง 1.04 แสนล้านบาท ส่วนนักลงทุนภายในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 1.02 แสนล้านบาท ทั้งนี้หากมาตรการ Uptick Rule เริ่มใช้ในช่วงต้นเดือนก.ค. เชื่อว่าแรงขายสุทธิของต่างชาติจะมีแนวโน้มลดน้อยลง เป็นตัวช่วยจำกัด Downside ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและใบขออนุญาตก่อสร้างของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.35 แสนรายและ 1.45 ล้านใบอนุญาต ตามลำดับ หากรายงานแย่กว่าคาดการณ์จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1295 – 1310 เชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำทยอยสะสมเช่นเดิมด้วยปัจจัยบวกครึ่งปีหลังที่สดใสกับเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว พร้อมกับปัจจัยการเมืองที่จะค่อยๆคลี่คลาย แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL CRC DOHOME GLOBAL) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB TTB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) เครื่องดื่ม (ICHI TACC) ส่วนระยะสั้นยังคงแนะนำเก็งกำไรในกลุ่มพลังงาน (PTTEP) และโรงกลั่น (BCP SPRC TOP)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TOP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 75.00 บาท)
มีกำไรสุทธิงวด 1Q24 ที่ 5.9 พันล้านบาท (+99%YoY, +29%QoQ) มากกว่าอุตสาหกรรมคาด โดยปัจจัยสำคัญมาจากคำการกลั่น และ Aromatic ที่ปรับตัวดีขึ้น จากการปิดซ่อมฉุกเฉินใน US ทำให้อยู่ที่ GIM 1Q24 : 10.6 (+25%YoY, +194%QoQ) แม้ว่ามีการปิดซ่อมนอกแผนของโรงกลั่นหน่วยที่ 3 เป็นเวลา 13 วัน ส่งผลให้เหลือกำลังการผลิต 288 KBD (-7%YoY -6%QoQ) โดยแนวโน้มในไตรมาสถัดไป Singapore GRM ชะลอตัวลง QoQ จากฐานที่สูง (1Q24: 7.3 US$/bbl, 2QTD : 3.7 US$/bbl) เราคาดว่า Downside เริ่มจำกัดมากขึ้นจากปรับลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในภูมิภาคและสินค้าคงคลังของน้ำมันเบนซินอยู่ในระดับต่ำ
AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท)
ช่วง FY2H24 คาดว่าอาจจะเห็นการชะลอตัวจาก FY1H24 เพราะริ่มเข้าสู่ช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามหากเกียบกับปี 23 คาดยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะได้รับผลดีจากมาตรการฟรีวีซ่าประเทศจีนที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 24 ที่ผ่านมา