หวังตัวเลขส่งออก / Short Covering / 1,285- 1,305
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET Upside ยังจำกัด : โดยมองปัจจัยลบยังปกคลุมภาพรวมตลาดหุ้นไทย นำโดย 1) แรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าขายสุทธิในหุ้นไทยเป็นวันที่ 21 ต่อเนื่อง โดยวานนี้ขายสุทธิไปมูลค่า 1.959 พันล้านบาท ทำให้มูลค่าขายสุทธิสะสม YTD ล่าสุดอยู่ที่ 1.066 แสนล้านบาท ยังคงกดดัน Upside ของหุ้นขนาดใหญ่ 2) ฟิทช์ เรตติ้งปรับลดแนวโน้มอุตสาหกรรมธนาคารลงเหลือ Neutral จาก Improving หลังเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า กดดันราคาหุ้นธนาคาร ขณะที่ปัจจัยบวกนำโดย 1) โครงการ Big Event กระตุ้นการท่องเที่ยวใน 55 จังหวัด คาดจะผลักดันรายได้เข้าประเทศให้เกินเป้าหมายปีนี้ที่ 3.5 ล้านล้านบาทได้ มองเป็นบวกต่อหุ้นโรงแรม ค้าปลีก และ ท่องเที่ยว 2) คาดหวังแรง Short coveringหนุนหุ้นที่มีปริมาณ Short สะสมสูงหลังใช้กฎ Uptick rule เข้ามาแทนที่กฎเดิม อาจช่วยพยุง Downside ของตลาดได้บางส่วน ปัจจัยอื่นวันนี้จับตาตัวเลขนำเข้าและส่งออกไทยเดือน พ.ค. คาดออกมาที่ 1%y-y และ 1.5%y-y ลดลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 8.3%y-y และ 6.8%y-y ตามลำดับ ภาพตัวเลขนำเข้าที่ขยายตัวลดลงสะท้อนกำลังซื้อของไทยที่ชะลอตัว โดยหากออกมาตามคาดจะเป็นการขยายตัวของตัวเลขนำเข้าที่ต่ำที่สุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ตัวเลขส่งออก แม้คาดออกมาชะลอตัวแต่มองอาจสร้าง Sentiment บวกในสินค้าที่ขยายตัวได้ดี โดยในเดือน เม.ย.สินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี คือ รถยนต์ เครื่องจักร เครื่องปรับอากาศ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ข้าว ยางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ไก่สดแปรรูป เครื่องดื่ม และสิ่งปรุงรส มองหุ้นในกลุ่ม เครื่องดื่ม อาหาร ยางพารา และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาดจะยังได้รับอานิสงส์ ขณะที่วานนี้ BOE คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ตามที่ตลาดคาดมองกระทบตลาดจำกัด คืนนี้จับตาตัวเลข S&P Global Composite และ Service PMI รายงานการประชุม Fed และตัวเลขยอดขายบ้านมือสองสหรัฐ
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) SET50/100: BA, BCP, CKP, ITC, PRM 2) ตัวเลขส่งออก: TU, ITC, KCE, HANA, ICHI, CCET, CPF, STA 3) Short Covering : AOT, BEM, DELTA, SIRI, TOP 4) ท่องเที่ยว : ERW, BA, CENTEL และ 5) Short : SAWAD, JMT
ปัจจัยบวก
- Nikkei research เปิดเผยผลสำรวจ 492 บริษัทในญี่ปุ่น พบว่า 61% บริษัทเอกชนในญี่ปุ่นไม่สนับสนุนให้รัฐบาลญี่ปุ่นขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนตามสหรัฐและยุโรป เนื่องจากจะนำไปสู่การยกระดับมาตรการตอบโต้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจแย่ลง เป็นแนวโน้มเชิงบวกจากชาติพันธมิตรที่มองไม่ต้องการให้สงครามการค้าขยายวงกว้างขึ้น
- ทางการจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการให้เงินอุดหนุนนายจ้างแบบครั้งเดียวแก่นายจ้างที่จ้างบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งจะมีผลถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2025 เพื่อรองรับกับบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งทางซินหัวคาดว่าปีนี้จะมีบัณฑิตจบใหม่เข้าระบบงานกว่า 11.7 ล้านคนในจีน
- PBOC ส่งสัญญาณพลิกโฉมนโยบายการเงินของจีนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยมี 2 เครื่องมือใหม่ คือ การเข้าซื้อพันธบัตร และเปลี่ยนดอกเบียอ้างอิงเป็น MLF สำหรับการกู้ยืมระยะกลางแทนระบบดอกเบี้ยเดิม
ปัจจัยลบ
- ดอนเมืองโทลล์เวย์แจ้งปรับขึ้นค่าผ่านทาง “ช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน” อีก 5 บาท และ “ช่วงดินแดง-ดอนเมือง” 10 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.นี้ เพิ่มต้นทุนให้ภาคการขนส่ง
- สศค. เผยการจัดเก็บรายได้ช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 67 จัดเก็บได้เพียง 1.67 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการอยู่ 2.62 หมื่นล้านบาท สาเหตุสำคัญเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตที่ต่ำกว่าประมาณการ
- รองประธาน ส.อ.ท.เผยยอดขายอสังหาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลไตรมาสแรกร่วงแรง 26.6% โดยติดลบ 3 ไตรมาสติดต่อกัน ผลักดันหน่วยที่อยู่อาศัยค้างสต็อกพุ่ง กดดันภาคอสังหาฯ
- Fitch Ratings ประกาศปรับแนวโน้ม อุตสาหกรรมธนาคารไทยเป็น Neutral จากเดิม Improving เนื่องจากคาดว่าอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจน่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ และน่าจะจำกัดการปรับตัวดีของกำไร อัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงของภาคการส่งออก
PICKS OF THE DAY
ERW BUY
- เป้าหมาย 4.74 / 5.00 แนวรับ 4.40
- Free VISA หนุนการท่องเที่ยว: ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 16 มิ.ย. 67 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 16,200,706 คน สร้างรายได้แล้วประมาณ 765,584 ล้านบาท โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 657,362 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 65,024 คน หรือ 10.98% ซึ่งมีปัจจัยส่งเสริมจากมาตรของภาครัฐโดยมีนักท่องเที่ยวจีนมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าของ ERW ที่มีคนจีนใช้บริการอยู่มาก
- EVENT ในไทย: ประเทศไทยมีการจัดกิจกรรมและเทศกาลในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสกับกิจกรรมและเทศกาลทั้งในฝั่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวไทย ซึ่งได้จัดในหลากหลายจังหวัดเหมาะแก่ ERW ที่มีโรงแรมอยู่ในหลายจังหวัดเช่นกัน
TU BUY
- เป้าหมาย 15.70 / 16.00 แนวรับ 15.00
- ราคาปลาทูน่าปรับตัวขึ้น TU ได้ประโยชน์: ราคาทูน่าปรับตัวขึ้นได้ดีอยู่ระดับ 1,480 USD/ton สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1Q67 ที่ 1,333 USD/ton คาดแนวโน้มราคาทูน่าปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปจนถึง 3Q67 เนื่องจากเป็นช่วง FAD Ban จะได้ประโยชน์จากจากด้านราคาขายให้กับลูกค้า OEM และการบริโภคของสหรัฐฯและยุโรปเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเป็นช่วง seasonal ของการส่งออก แนวโน้มผลประกอบการยังดีต่อเนื่องจนถึง 3Q67
- ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า: ปัจจุบันค่าเงินบาทเทียบกับยูโรและดอลลาร์สหรัฐฯมีทิศทางอ่อนค่าลงต่อเนื่องเทียบ y-y และ q-q เป็นประโยชน์ต่อบริษัทส่งออก ซึ่ง TU มีรายได้หลักมาจากการส่งออก สัดส่วนรายได้ในสหรัฐฯและยุโรป 39% และ 29% ตามลำดับ