Daily Focus: Selective Play 

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down ปรับลง 5.53 จุด ที่ระดับ 1,298.29 จุด อ่อนแอกว่าที่เราคาดว่ามีโอกาสเกิด Technical Rebound มูลค่าการซื้อขายบางลงอย่างมีนัยยะเหลือ 3.8 หมื่นลบ. ตลาดขาดปัจจัยใหม่จากฝั่งต่างประเทศเข้ามากระตุ้น รวมถึงการเมืองในประเทศยังคง Overhang สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 431 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิเป็นวันที่ 21 อีกเกือบ 2 พันลบ. (และ Short Index Futures อีก 1.9 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,290-1,305 จุด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจมีแรงขายออกมากดดันระยะสั้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เริ่มย่อตัว ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคืนนี้มี S&P Manufacturing และ Services PMI เดือน มิ.ย. ของสหรัฐฯ และโฟกัสหลักจะอยู่ที่เงินเฟ้อ PCE ที่จะประกาศปลายสัปดาห์หน้า ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงถูกความไม่แน่นอนทางการเมือง Overhang และคาดว่าจะลากยาวถึงครึ่งหลังของเดือน ก.ค. ที่คาดว่าอาจมีคำวินิจฉัยคดีนายกฯเศรษฐา ออกมา ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจรอติดตามตัวเลขส่งออกเดือน พ.ค. โดยรวมเรามองว่าดัชนีที่ปรับตัวลงมาราว 100 จุด หรือราว 7% สะท้อนความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองไปแล้วพอสมควร หากคำวินิจฉัยออกมาเป็นบวกต่อฝั่งรัฐบาล เราคาดว่าจะเห็นการ Rebound รวมถึงมาตรการ Uptick ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค. คาดช่วยจำกัด Downside ในการปรับลงได้มากขึ้น ระยะสั้นเราคาดว่าหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 แข็งแกร่งมีโอกาสจะเห็นการฟื้นตัวและเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาดในช่วงนี้

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาด

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย.: CHG, CPALL, ITC, KCG, TFG

FSSIA Portfolio: AOT, BMS, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU

หุ้นเด่น Finansia 21 มิ.ย. 24 : CHG

– แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.90 บาท

– แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q24 อาจชะลอ q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาดเติบโตแกร่ง y-y ได้ต่อเนื่อง หนุนจากการเติบโตของรายได้ที่ยังดีและจำนวนผู้ประกันตนทีเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลขาดทุนจากโรงพยาบาลใหม่ที่ทยอยลดลง 

– โมเมนตัมกำไร 3Q24 คาดเร่งขึ้นอย่างมีนัยยะทั้ง q-q และ y-y หนุนจาก High Season ฤดูฝน นอกจากนี้ CHG ยังไม่มีแรงกดดันอย่างคู่แข่งที่มีสัดส่วนลูกค้าตะวันออกกลางสูงจากประเด็นกลุ่มลูกค้าคูเวตที่หายไป เรายังคงกำไรปกติปี 2024 ที่ 1.3 พันลบ. +24% y-y

– แนวรับ 2.60 บาท แนวต้าน 2.76-2.80//2.90 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคสุทธิหนาแน่นอีก US$1,276 ล้าน โดยยังคงกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$1,071 ล้าน รองลงมาคือเกาหลีใต้ US$314 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินยังคงไหลออกทุกประเทศนำโดยไทย และเวียดนามประเทศละ US$39-53 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าหรือมีโอกาสพลิกมาไหลออก หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มพักฐาน และมีแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงก่อนหน้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) THANI เป็นผู้ให้เช่าซื้อรถบรรทุกรายใหญ่ ด้วยส่วนแบ่งตลาดราว 25% แนวโน้มธุรกิจเช่าซื้อรถบรรทุกปี 2024 ยังไม่สดใสจากค่าใช้จ่ายภาครัฐที่ชะลอตัว และปริมาณการค้าขายที่ลดลง ส่งผลให้การขนส่งโดยรถบรรทุกชะลอตัวตาม ยอดขายรถบรรทุกในประเทศ 1Q24 หดตัว 26% y-y อย่างไรก็ตาม เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวใน 1Q24 บ้าง และคาดหวังการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนความต้องการรถขนส่งมากขึ้น เรามีความกังวลด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอ ทำให้ต้องจำกัดการปล่อนสินเชื่อใหม่ NPL อยู่ที่ 3.2% ณ สิ้นปี 2Q23 สูงสุดในรอบ 4 ปี คาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 319 ลบ. -7% q-q, -25% y-y จาก low season ของธุรกิจ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น และสินเชื่อชะลอตัว เราคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 1.34 พันลบ.-2.2% y-y ราคาเป้าหมาย 2.28 บาท Upside จำกัด div. yield 5-6% แนะนำ “ถือ”

(-) M คาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 360 ลบ. +4% q-q, -22% y-y แม้ q-q ดีขึ้น แต่บริษัทยังเผชิญกับภาวะการบริโภคที่ชะลอตัวและภาวะการแข่งขันสูง ส่วน SSSG เดือน เม.ย.-พ.ต. ติดลบ 12% y-y และ 14% y-y ตามลำดับ แม้เห็น SSSG เพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. หลังออกโปรโมชั่นใหม่ แต่เราคาดโดยรวม 2Q24 จะติดลบ 11% y-y แย่กว่า 6% y-y ใน 1Q24 ขณะที่ค่าใช้จ่ายโดยรวมคงที่ แนวโน้ม 3Q24 น่าจะยังไม่ฟื้นตัวเพราะเป็น low season ของธุรกิจ เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลง 10-12% ทำให้กำไรสุทธิปี 2024 จะลดลง 8% y-y ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 34 บาท จากเดิม 47 บาท มี Upside จำกัด Div. Yield 4.7% ลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น “ถือ”

(0) ตลท.ประกาศหุ้นเข้า-ออก SET50/SET100 งวด 2H24 สำหรับ SET50 หุ้นเข้า BCP BJC TIDLOR ITC หุ้นออก BANPU COM7 SAWAD KCE // ส่วน SET100 คาดหุ้นเข้า BA BJC CKP JAS MBK PRM QH SKY TIPH ออก AURA BYD FORTH MOSHI NEX ORI SNNP THG TKN

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 299.90 จุด หรือ +0.77% ปิดที่ 39,134.76 จุด แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของ Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนประเมิน ข้อมูลเศรษฐกิจและการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ช่วงเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยตลาดปรับตัวขึ้นตามบรรยากาศการซื้อขายที่สดใสทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนจับตาตลาดหุ้นอังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ หลังจากธนาคารกลางของประเทศเหล่านี้ประกาศมตินโยบายการเงิน

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยมีตลาดญี่ปุ่นเปิดบวกได้ หลังรายงานเงินเฟ้อญี่ปุ่นล่าสุด สะท้อนดัชนีที่ต่ำกว่าตลาดคาด

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 36.68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.04%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 82.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานยังทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 81.22 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.09%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 22.10 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 2,369.00ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,375.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.27%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 833.65/ +1.01%

 

- Advertisement -