ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ยังคงเทรดในกรอบแคบๆ ไปก่อน

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์เทรดไซด์เวย์ต่อ … หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยยังคงทรงตัวในกรอบแคบๆ (ตามคาด) ด้านปัจจัยต่างประเทศวันนี้เป็นกลาง ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ตลาดการเงินโลกน่าจะชะลอตัวเพื่อติดตามผลประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันที่ 3 พ.ย. ตามเวลาไทย ว่าจะมีการประกาศลด QE หรือไม่ และจะมีแนวทางการลด QE ที่รวดเร็วขนาดไหน รวมทั้งจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อ Core PCE เดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 3.6% YoY ซึ่งต่ำกว่าที่ consensus คาดที่ 3.7% เล็กน้อย แต่ถือว่าว่ายังอยู่ในระดับสูง … ส่วนในฝั่งจีนนั้นเมื่อวานนี้ได้รายงานดัชนี NBS PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค. ชะลอตัวต่อเนื่อง 49.2 จากระดับ 49.6 ในเดือนก่อนหน้า และชี้ถึงการหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม อาจเป็นปัจจัยกดดันจิตวิทยาในตลาดหุ้นเอเชียบ้างในวันนี้…ด้านปัจจัยภายในประเทศเมื่อวานนี้ก.ต่างประเทศประกาศเพิ่มจำนวนประเทศที่เดินทางเข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัวเป็น 63 ประเทศ จากเดิม 46 ประเทศ น่าจะส่งผลดีต่อทิศทางการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวในระยะถัดไป แต่ขณะเดียวกันต้องติดตามว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเร่งขึ้นอีกหรือไม่หลังการเปิดประเทศ และการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก รวมทั้งการยกเลิกเคอร์ฟิวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่วนเช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อฯ 8,165 ราย เสียชีวิต 55 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 9,574 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร M, BTS*, GPSC*

  • M (เป้าพื้นฐาน 62.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 54 บาท / แนวต้าน 56.5-58 บาท (Stop loss 53 บาท) 2) เราประเมินผลการดำเนินงาน 3Q64 จะขาดทุนเป็นไตรมาสสุดท้าย (ฝ่ายวิจัยฯ คาด 3Q64 จะรายงานขาดทุน 274 ล้านบาท) และจะฟื้นตัวเด่นตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดภายหลังการกลับมาเปิดประเทศได้ผลการดำเนินงานปี 2565 จะพลิกกลับมามีกำไร 1.8 พันล้านบาท (จากปีนี้ที่คาดจะขาดทุนสุทธิ 54 ล้านบาท) 3) Forward PE ปี 2565 จะลดลงเหลือ 26.5 เท่าเท่ากับค่าเฉลี่ย PE ในอดีตก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ขณะที่เราประเมิน Valuation มีโอกาส Premium จากการ Turnaround ของกำไร
  • BTS* (เป้าพื้นฐาน 12.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.5 บาท / แนวต้าน 9.8 บาท (Stop loss 9.35 บาท) 2) ประเมินผลการดำเนินงานปีหน้ามี Upside จากการลงทุนในธุรกิจ Non-bank ทั้ง i) การลงทุนผ่านกลุ่ม JMART* ii) ธุรกิจสินเชื่อผ่านระบบดิจิตอล “แรบบิทแคช” หรือการ JV ระหว่าง BTS* AEONTS* และ HUMAN โดยจะเริ่มเปิดบริการใน 1Q65 3) แนวโน้มผลการดำเนินงานหลักพ้นจุดต่ำสุดโดยการทยอยลด WFH และโรงเรียนเริ่มทยอยกลับมาเปิดเรียนตามปกติ จะส่งผลบวกต่อจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของกลุ่ม BGSR (JV ระหว่าง BTS* STEC* GULF* RATCH*) คาดจะเริ่มฟื้นตัวจากแรงงานที่เริ่มทยอยปลดล็อกให้กลับมาทำงาน และการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ ปีหน้า
  • GPSC (เป้าพื้นฐาน 95 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 77.5 บาท / แนวต้าน 80-82 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 88 บาท (Stop loss 76 บาท) 2) ประเมินธุรกิจแบตเตอรี่และ Energy storage ของ GPSC รับ Sentiment บวกจากนโยบายการสนับสนุนทางภาษีของภาครัฐฯ ทั้งมาตรการทางภาษีและมาตรการจูงใจผู้ซื้อรถอีวี คาดจะมีการเสนอโครงสร้างภาษีรถอีวีวันที่ 8 พ. ย. นี้ 3) ประเมิน Earnings momentum ยังดีต่อเนื่อง หลังการเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนที่อินเดีย (เริ่มรับรู้รายได้ใน 2H64) และไต้หวัน (คาดเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2565) 3) Forward PE +/- 22 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 25 เท่า

หุ้นมีข่าว

(+) รื้อโครงสร้างภาษีรถแพ็กเกจดันอีวี 8 พ.ย. (ทันหุ้น) สรรพสามิตประชุมผู้ประกอบการยานยนต์เตรียมตัวปรับโครงสร้างภาษียานยนต์ใหม่หลังสิ้นสุดปี 2566 เล็งเสนอแพ็กเกจภาษีให้รองนายกรัฐมนตรี 8 พฤศจิกายนนี้ วงการฟันธงปรับโครงสร้างภาษีจะนำการปล่อยคาร์บอนมาร่วมด้วย หลังนายกฯ เห็นชอบกรอบแผนลดคาร์บอนโบรกบีบเข้าสู่อีวี EA*-GPSC*-AMATA*-ROJNA-WHA* รับเต็มๆ

(+) GPSC คาดกำไร Q3 โต 15% บันทึกโซลาร์ฟาร์มอินเดียรุกขยายโครงการพลังงานหมุนเวียนไต้หวัน (ข่าวหุ้น) จับตา GPSC* ประกาศงบไตรมาส 3/64 วันที่ 5 พ. ย. นี้ โบรกฯ คาดกำไรสุทธิทะลุ 2.55 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 15% เหตุเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากโซลาร์ฟาร์ม Avaada ในอินเดีย 184 ล้านบาท ฟาก “วรวัฒน์” เผยเดินหน้าตั้งบริษัทย่อยในไต้หวันรุกหนักขยายโครงการพลังงานหมุนเวียน

(+) ORI แตกไลน์รุกธุรกิจอาหาร (ข่าวสด) นายปีติพงษ์ไตรนุรักษ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วันออริจิ้น จำกัด ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทต่อยอดธุรกิจร้านอาหารภายใต้บริษัท ออริจิ้นฟู้ด จำกัด อีกหนึ่งธุรกิจใหม่ ที่สร้างรายได้ประจำโดยเน้นการสร้างแบรนด์ร้านอาหารของตัวเอง

(+) SA เปิดเมือง-ปลดล็อก LTV หนุนดีมานด์แบ็กล็อกโต (ทันหุ้น) SA โดดรับแบงก์ชาติไฟเขียวคลายเกณฑ์ LTV ยาวสิ้นปี 2565 กระตุ้นดีมานด์พุ่งแถมปลดล็อกต่างชาติเข้าไทยไม่ต้องกักตัว 1 พฤศจิกายน 2564 ช่วยหนุนอีกแรงบิก “ขจรศิษ ฐ์สิ่งสรรเสริญ” ส่งซิก Q4 / 2564 ดีมานด์ในประเทศต่างประเทศจ่อคิว

(+) OTO แจกวอร์แรนต์ฟรี รองรับแผนขยายธุรกิจดีลพันธมิตรเสริมแกร่ง (ทันหุ้น) บอร์ด OTO ไฟเขียวแจกวอร์แรนต์ฟรีอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ เสริมฐานทุนแกร่งรองรับแผนขยายธุรกิจซุ่มเจรจาพันธมิตรลุยขยายไลน์เข้าสู่ Commercial Technology คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงที่เหลือของปีนี้

(+) EKH รุกธุรกิจความงามทุ่ม 165 ล. ซื้อหุ้น CLINIC (ทันหุ้น) EKH ทุ่ม 165 ล้านบาทเข้าถือหุ้น 10% ใน “เดอะคลีนิกค์คลินิกเวชกรรม” ขยายธุรกิจความงามเสริมแกร่งการเติบโตต่อเนื่อง ฟากโบรกมองเป็นบวกคาดเพิ่มมูลค่าต่อราคาเป้าหมาย 0.10 บาทต่อหุ้น “นพ. อำนาจ” เผยพร้อมเปิดรับลูกค้าทางฝั่งประเทศจีนที่สนใจเข้ามาทำ IVF รับเปิดประเทศมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตเกิน 50%

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • PSH* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) แนวรับ 13.6 บาท / แนวต้าน 14.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Stop loss 13.1 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) แนวรับ 3.36 บาท / แนวต้าน 3.46 – 3.60 บาท (Trailing stop 3.30 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 26.5 บาท) แนวรับ 15.5 บาท / แนวต้าน 16.1 – 16.5 บาท (Stop loss 15.3 บาท)
  • KTB* (เป้าพื้นฐาน 15.4 บาท) แนวรับ 11.4 บาท / แนวต้าน 11.8-12.0 บาท (Stop loss 11.2 บาท)
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 15.1 บาท) แนวรับ 11.3 บาท / แนวต้าน 11.7 – 12.5 บาท (Stop loss 11 บาท)
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 70 บาท) แนวรับ 63.5 บาท / แนวต้าน 65-67 บาท (Stop loss 63 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 15 บาท) แนวรับ 14.5 บาท / แนวต้าน 15.0 -15.6 บาท (Stop loss 14.1 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • กลุ่ม Non-banks น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ ” ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มฯ ใน 3Q64 คาดจะไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยหุ้นที่คาดกำไร 3Q64 จะยังบวกได้ทั้ง YoY QoQ คือ TIDLOR ขณะที่ KTC* SINGER* คาดกำไรจะชะลอตัวลง QoQ ขณะที่ MTC* SAWAD* คาดว่ากำไรจะชะลอตัวลง YoY แต่ทรงตัว QoQ โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินราคาหุ้นกลุ่มนี้ยังมีปัจจัยลบกดดันหลายประการ (การแข่งขันและความเสี่ยงจากกฎเกณฑ์ภาครัฐฯ ) สำหรับหุ้นเด่นชอบ KTC* (มีโอกาสโตกับธุรกิจให้ร่วมกับ KTB*) SAWAD* (โอกาสโตไปกับ ธ.ออมสิน) AEONTS* (Valuation ถูก)
  • PTG* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 20 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ปี 2564-65 ลงจากการปรับสมมติฐานค่าการตลาดฯ (Oil marketing margin) ลงสะท้อนความเสี่ยงจากการคุมราคาเพดานน้ำมันดีเซลของภาครัฐฯ และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 20 บาท (เดิม 26.5 บาท) อย่างไรก็ดี ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินผลการดำเนินงาน 4Q64 จะฟื้นตัวเด่นหลังการปลดมาตรการล็อกดาวน์ และ Valuation หลังการปรับลดประมาณการฯ ยังถูกอยู่ (Forward PE ปีหน้า 14.6 เท่า)
  • THCOM แนะนำ “ขาย” เป้าพื้นฐาน 4.94 บาท รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 = 146 ล้านบาท (มีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน +206 ล้านบาท) หากตัดรายการพิเศษออกไปยังมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานราว 61 ล้านบาท (ขาดทุนลดลง QoQ แต่ขาดทุนเพิ่มขึ้น YoY) ฝ่ายวิจัยฯ ประมาณการฯ ไว้ตามเดิม แต่ประเมินมี Upside จาก i) โอกาสที่บริษัทจะได้เข้าไปบริหาร T4 และ T6 โดยรับค่าบริหารจาก NT ii) ใบอนุญาตใหม่จาก กสทช. และ iii) โครงการดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) 
- Advertisement -