บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย):
ปรับเกณฑ์ TESG ใหม่ จูงใจนักลงทุนมากขึ้น
- เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.2567) กระทรวงการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกันแถลงมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ซึ่งหนึ่งในมาตรการนั้นก็คือ การปรับเกณฑ์ของกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) หรือ TESG เพื่อความน่าสนใจมากขึ้นและสอดคล้องกับเป้าหมายการส่งเสริมการออม
- โดยเกณฑ์ใหม่ดังกล่าว หลักๆ มีการปรับเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี 300,000 บาท/ปี (เพิ่มขึ้น 200,000/ ปี) และลดระยะเวลาถือครองไม่ต่ำกว่า 5 ปี (จากเดิมไม่ต่ำกว่า 8 ปี) เป็นต้น คาดว่า กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ ภายใน 2 สัปดาห์หน้า
หนุนบรรยากาศการลงทุนกลับมาอีกครั้ง
- เรามองว่าการปรับเพิ่มมาตรการกระตุ้นการลงทุนในตลาดทุน ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่กำลังรับรู้ปัจจัยทางการเมืองบางส่วนและ fund flow ต่างชาติไหลออก จะหนุนบรรยากาศการลงทุนให้กลับมาอีกครั้ง หลังจาก SET index กลับมายืนเหนือ 1300 จุด และเป็นจุดน่าทยอยสะสม อ้างอิง SET valuation บริเวณ -2 S.D. forward P/E (ย้อนหลัง 5 ปี) และ -2 S.D. forward P/BV (ย้อนหลัง 5 ปี)
คาดมีเม็ดเงินไหลเข้าราว 3 หมื่นล้านบาทสิ้นปีนี้
- เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามามากขึ้น น่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าราว 3 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 นี้ หลังปรับเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีและการลดระยะเวลาถือครอง จากเดิมมีเม็ดเงินไหลเข้า TESG ราว 6 พันล้านบาท สำหรับกอง TESG ที่เริ่มขายหน่วยลงทุนปลายปี 2566 (สำหรับ 1 เดือน) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะไหลเข้า ESG Bond, Green token นอกจากนี้จะทำให้ตัวเลือกหุ้นที่สามารถลงทุนในกองทุน Thai ESG ใน SET/MAI ครอบคลุมหุ้น 200 ตัว จากเดิม 128 ตัว
เราแนะนำ หุ้น 3 Themes ได้รับประโยชน์จากกองทุน Thailand ESG Fund (TESG)
1.กลุ่มโรงพยาบาล (Defensive growth) ได้แก่ PR9 (AAA rating), BDMS (AA rating)
2.กลุ่มค้าปลีก (รับอานิสงค์วัฏจักรดอกเบี้ยนโยบายสิ้นสุด) ได้แก่ CRC (AAA rating), COM7 (A rating)
3.กลุ่ม Global play (High season) ได้แก่ HANA (AA rating), CPF (AAA rating)
*อ้างอิง ESG Rating ณ สิ้นปี 2566