วันนี้คาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,312 / 1,303 แนวต้าน 1,322 / 1,327
คาดตลาดจะรอติดตามการดีแบตปธน.สหรัฐและตัวเลข PCE ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ หนุนตลาดลดความเสี่ยง โดย US-Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวขึ้น สะท้อนภาวะ Risk-off ของตลาดในระยะสั้น อีกทั้งตัวเลขผลกำไรอุตสาหรกรรมจีนออกมาชะลอตัวลง กดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคในระยะสั้นได้เพิ่มเติม สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามองตลาดรับรู้ประเด็นการที่รัฐบาลปรับเงื่อนไข ThaiESG ไปแล้วในระดับหนึ่ง
Our View? “แค่ไหนก็ตามแต่”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways’ มองแนวรับที่บริเวณ 1,312 / 1,303 และแนวต้านที่บริเวณ 1,322 / 1,327 เรายังมองตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งจะรอดูท่าทีการดีเบตระหว่าง ปธน.โจ ไบเดน และอดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมปิ เพื่อประเมินผลการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐ อีกทั้งเรายังมองว่าตลาดจะรอดูการรายงานตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน พ.ค. ในวันที่ 28 มิ.ย. เพื่อหาประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งเป็นประเด็นที่ FED ให้ความสนใจโดย Bloomberg Consensus คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ +2.6%YoY ขณะที่คาดว่า Core PCE จะออกมา +2.6% YoY ชะลอตัวลงจากเดือน เม.ย. กระตุ้นความคาดหวัง FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วง 4Q’67 หลังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ FED ในช่วงที่ผ่านมาส่งสัญญาณค่อนข้าง Hawkish ต่อเนื่อง โดยล่าสุดการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) พร้อมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) ปรับตัวขึ้นอีกครั้ง เช้านี้อยู่ที่ระดับ 106.0+/- และ 4.34%+/- ตามลำดับ คาดจะกดดัน-จำกัด Upside ทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้
ขณะที่เช้านี้การรายงานตัวเลขผลกำไรภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนพ.ค. ของจีนออกมา +0.7%YoY สำหรับ YTD อยู่ที่ระดับ +3.4YoY เริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง คาดจะกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจจีนมากขึ้น หลังสถาบันการท่องเที่ยวจีนเผยแพร่รายงานคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะแตะระดับ 80% ของระดับก่อนเกิด Covid-19 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ค้นหาเที่ยวบินและที่พักในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่วนหนึ่งเราเชื่อว่ามาจากมาตรการ Free Visa คาดจะหนุนทิศทางเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ หลังเริ่มเห็นสัญญาณเงินเฟ้อที่กลับมาเป็นบวก และตัวเลข PMI ภาคผลิตและบริการกลับมาขยายตัวอีกครั้ง มองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นจีนและเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาคในระยะถัดไป
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้ยังแกว่งตัวผันผวนต่อไปปิดที่ระดับ 80,90 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.07 ดอลลาร์ (+0.09%) แม้ยังได้รับแรงหนุนจากความยึดเยื้อของสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและยูเครนยังยึดเยื้อกระทบอุปทานน้ำมัน แต่การรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเมื่อคืนนี้ออกมามากกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.6 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐไม่แข็งแกร่งอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นคาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมันอ่อนตัวลงได้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามองตลาดรับรู้ประเด็นรัฐบาลปรับเงื่อนไข ThaiESG ขยายวงเงินขอลดหย่อนภาษีเงินได้เป็นสูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท และปรับลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ พร้อมทั้งส่งสัญญาณจะศึกษาการนำกองทุนวายุภักษ์ คาดจะสามารถสร้างเม็ดเงินที่เข้ามาสู่ตลาดได้มากขึ้นไปบ้างในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามเรามองปัจจัย Overhang ทางการเมืองจากการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลและคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีคาดยังจำกัด Upside ตลาดหุ้นไทยได้อยู่
อย่างไรก็ดีเรามองการที่ ตลท. ปรับเกณฑ์ในการ Short Sell เป็น Uptick Rule ในช่วงเดือน ก.ค. คาดจะหนุนแรง Cover Short ช่วยจำกัด Downside ของตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน คาดจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวออก ด้านข้างในกรอบจำกัดได้ต่อ โดยเรายังคงมุมมองกลยุทธ์ในการเลือกเล่นหุ้นรายตัว (Selective Play) คาดยังมีความได้เปรียบอยู่สำหรับตลาดหุ้นไทย
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “SMT”
- คาดราคาหุ้นอาจได้รับแรงเก็งกำไรสินค้าในกลุ่มตลาดการประกอบและการทดสอบเซมิคอนดักเตอร์จากภายนอก (OSAT) มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วง 2H’67 ขณะที่ค่าเงินบาทมียังมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ต่อ มองเป็นประโยชน์ต่อผลประกอบการของ SMT ได้ อีกทั้งราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ Fwd PE 12.3+/- เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี มอง Downside จำกัดลงแล้ว
- ทางเทคนิค ราคายกจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้นทำจุดสูงสุดใหม่ พร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่นสนับสนุน ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
- แนะนำ “เก็งกำไร / ย่อชื้อ”
- แนวรับ 3.00 / 2.90 Target 3.30 / 3.40 Stop <2.80