บล.พาย:
ประกาศใช้ Uptick Rule จะช่วยจำกัด Downside Risk
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 0.12% ภาพรวมยังไร้ปัจจัยใหม่แม้มีการรายงานเงินเฟ้อและการ Debate แต่ไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดทรงตัว หลังจากนักลงทุนปะรเมินว่าภาวะอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ ยังดูอ่อนแอประกอบกับเผชิญแรงทำกำไรเล็กน้อย
Market Outlook
วันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อประจำเดือน พ.ค. พบว่าไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อพื้นฐานหรือเงินเฟ้อทั่วไปต่างก็ออกมาใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้พอดี อย่างไรก็ตาม รายงานรายได้ของผู้บริโภคขยายตัว 0.5% ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดที่ 0.4% แต่รายงานการใช้จ่ายของผู้บริโภคขยายตัวเพียง 0.2% แย่กว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 0.3% แต่ไม่ว่าอย่างไรท้ายที่สุด นักลงทุนเลือกจะให้น้ำหนักทุกอย่างเพียงทรงตัว สะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2, 10 ปีที่ทรงตัว พร้อมกับ Dollar Index ที่ก็ทรงตัวเช่นกัน ส่วนในประเทศเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดพบว่าเกินดุล 647 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg
Consensus คาดการณ์ไว้ พร้อมกับรายงานเศรษฐกิจไทยพบว่ายังอยู่ในทิศทางขยายตัวแต่ชะลอลงบ้างเล็กน้อย แต่ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องประกอบกับการบริโภคเอกชนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย โดยการลงทุนภาครัฐกลับมาขยายตัวสูงทั้งจากรายจ่ายประจำและการลงทุนภายหลังจากที่งบประมาณ ปี 24 มีผลบังคับใช้ โดยสัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขภาคผลิตของสหรัฐฯ (ISM PMI) ในวันจันทร์ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 49.2 รวมไปถึงแรงงานสหรัฐฯโดยเฉพาะในวันศุกร์กับตัวเลขอัตราการว่างงานและการจ้างงานนอกภาคเกษตร Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 4% และ 1.89 แสนรายตามลำดับ หากรายงานต่ำกว่าคาดการณ์จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลก
ส่วนปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้จะเป็นครั้งแรกที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้ใช้ Uptick Rule (Short ที่ BID ไม่ได้ต้อง Offer หรือมากกว่า Offer) ข้อมูลในอดีตชี้ว่าช่วงของการทำ Uptick Rule มักทำให้มูลค่า Short Sale ลดลงและมีส่วนในการช่วยจำกัด Downside แต่ไม่ได้เพิ่ม Upside โดย Upside จะมาจากปัจจัยพื้นฐานมากกว่า ทั้งนี้เราทำการรวบรวมหุ้นที่ถูก Short Sale สูงในช่วงที่ผ่านมาและมีปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจ (มีโอกาสถูก Cover Short กลับ) ได้แก่ AOT BBL HMPRO GPSC GULF AWC CRC BCH โดยแนะติดตามสถานะขายของนักลงทุนต่างชาติหากเห็นการขายสุทธิที่น้อยลงจะเริ่มเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1290 – 1340 เชิงกลยุทธ์การลงทุนคงคำแนะนำสะสมเช่นเดิมเพื่อรอการฟื้นตัวช่วงถัดไปแนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL CRC DOHOME GLOBAL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB TTB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ส่งออก (ITC TU) เครื่องดื่ม (ICHI TACC)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.90 บาท)
เราคาดว่า SSSG ช่วง 2Q24 จะทรงตัวถึงติดลบเพียงเล็กน้อย แม้ว่า SSSG เดือนเม.ย. 2024 ของ HomePro ติดลบ 6% Mega Home +0.5% และ HomePro Malaysia : 12% จากปัจจัยเฉพาะตัว โดยเราคาดเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2H24 จากการเพิ่มสินค้าใหม่และช่องทางจัดหน่าย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท)
AOT มีกำไรสุทธิงวด FY2Q24 ที่ 5,785 ล้านบาท (+211% YoY,27%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นยอดค่าใช้จ่ายสุทธิ 90 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ระดับ 5,875 ล้านบาทใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ โดยเป็นการเติบโตตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 22%YoY, 12%QoQ มาอยู่ที่ 32 ล้านคน และเที่ยวบินที่มีจำนวน 188,817 เที่ยวบิน