KS Daily View 08.07.2024 >>> มอง SET ฟื้นตัวต่อ แรงขายลด ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1,300-1,320 จุด แนะนำ CPF, TEGH

Theme การลงทุนในสัปดาห์นี้: ประเมินตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ฟื้นตัวต่อ โดยคาดกรอบการซื้อขาย 1,300-1,330 จุด มองปัจจัยสำคัญต่างประเทศที่ต้องติดตามคือตัวเลขส่งออกของเยอรมันในวันจันทร์คาดว่าออกมาในทิศทางขยายตัว ตามกระแสการค้าที่เร่งตัวก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ขณะที่ด้านการแถลงรายงานครึ่งปีของนาย Powell ในวันพุธเรามองว่า Powell น่าจะยังคงยืนยันจุดยืนที่้ต้องการเห็นการปรับตัวลดลงของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯจนมั่นใจก่อนที่จะเริ่มส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯที่มีกำหนดจะรายงานในวันศุกร์ ตลาดคาดมีแนวโน้มลดลง ซึ่งน่าจะช่วยเสริมความมั่นใจให้ Fed ลดดอกเบี้ยลงได้มากกว่าหนึ่งครั้งในปีนี้ ด้านปัจจัยในประเทศช่วงกลางสัปดาห์ในวันพุธศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดพิจารณาคดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกฯ อย่างไรก็ดี คาดยังไม่ได้บทสรุปจนกระทั่งในช่วงเดือน ก.ย. กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ เราแนะนำหุ้นที่เชื่อมโยงกับแนวโน้มการค้าการส่งออกโลกที่เร่งตัว, กระแส AI Technology, ค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวตาม US driving season เช่น DELTA, TEGH, SYNEX, SPRC

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ประเมินดัชนีวันนี้ฟื้นตัวต่อ มองดัชนี SET index ซื้อขายในกรอบ 1,300-1,320 จุด แนวโน้มหลักเป็นภาพของการสร้างฐาน ผ่านจุดต่ำสุดแล้วเริ่มฟื้นตัว แรงขายลดและต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อ กอปรกับ sentiment บวกในต่างประเทศช่วยหนุนจาก bond yield สหรัฐฯปรับลงและ USD อ่อนค่า

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) สำหรับเดือน มิ.ย. ที่ 2.06 แสนตำแหน่ง สูงกว่าที่คาดที่ 1.90 แสนตำแหน่ง แต่ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.18 แสนตำแหน่ง อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงาน (unemployment rate) ของสหรัฐฯรายงานออกมาเพิ่มขึ้นจาก 4.0% เป็น 4.1% สูงกว่าที่ตลาดมอง ทั้งนี้แม้มีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นมาก แต่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นยังน้อยกว่าแรงงานที่เข้ามา เนื่องอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของประชาชนเพิ่มขึ้น (participation rate) เรามองการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเริ่มเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามเนื่องจากอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือ recession ได้ในระยะข้างหน้า
  1. จีนเตรียมขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สู่ตลาดเกิดใหม่ หลังจากสหรัฐและยุโรปเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยจีนกำลังตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศ เช่น บีวายดีเปิดโรงงานในไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือใต้-ใต้และการปรับตัวต่อกฎการค้าโลกใหม่ นอกจากนี้ จีนยังเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยยอดส่งออกมากกว่า 4 ล้านคันในปีที่แล้ว โดยมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 1.2 ล้านคัน
  1. กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชายืนยันเด็กชายอายุ 3 ขวบติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในจังหวัดตาแกว ทางตอนใต้ของประเทศ นับเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 6 ในปีนี้ โดยเด็กมีอาการไข้ ไอ เหนื่อยล้า และหายใจลำบาก หลังสัมผัสไก่ที่ตายจากไข้หวัดนก หน่วยงานสาธารณสุขกำลังตรวจสอบและป้องกันการระบาดในชุมชน พร้อมจ่ายยาต้านไวรัสให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
  1. ชาวฝรั่งเศสออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภารอบที่สอง โดยมีความพยายามของแนวร่วมฝ่ายซ้ายในการสกัดพรรคขวาจัดของมารีน เลอ เปน จากการชนะต่อเนื่อง นักวิเคราะห์คาดว่าฝ่ายขวาจัดจะชนะ แต่ไม่น่าจะได้เสียงข้างมากที่จำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทำให้การจัดตั้งรัฐบาลอาจเป็นเรื่องท้าทายหากไม่มีฝ่ายใดได้เสียงข้างมากชัดเจน
  1. ภาคเอกชนออกมาสนับสนุนนโยบายของรัฐในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ย้ำว่าต้องศึกษาอย่างจริงจังและสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าปี 2567-2580 (PDP 2024) ของไทยจะรวมพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เพื่อความมั่นคง เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและใช้พื้นที่น้อยกว่า ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในอนาคต

Daily pick

CPF: ราคาพื้นฐานที่ 27.4 บาท

คาดผลประกอบ Q2/67 เติบโตแรงกว่า 380% QoQ และ 600% YoY แตะ 5 พันลบ. พลิกจากที่ขาดทุนเกือบ 800 ลบ. ใน Q2/66 และกำไรเร่งขึ้นจาก 1.1 พันลบ.ใน Q1/67 โดยหนุนจากราคาสุกรที่ฟื้นตัวดีขึ้นและมีการรับรู้กำไรพิเศษอีกราว 1 พันลบ.จากการปรับมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ มองไปข้างหน้าผลประกอบการยังอยู่แนวโน้มเชิงบวกต่อส่งผลให้เราปรับคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทขึ้น 48%/11%/4% สำหรับปี 67-69 ตามลำดับ

TEGH: ราคาพื้นฐาน 4.5 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่องาน KS C-Serie ของ MTC เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่คาดว่าจะแข็งแกร่งและแนวโน้มไตรมาส 2/67 โดยเราประเมินกำไร 2Q24 เติบโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ จากการพอร์ตสินเชื่อที่โตต่อ การคุม cost to income ที่ทำได้ดี และการจัดการ Asset quality ที่ถือว่าเหนือกว่ากลุ่ม อีกทั้งเชื่อ MTC ได้ sentiment บวกจาก bond yield ที่มีการปรับตัวลง กอปรกับได้อานิสงค์บวกจากการที่บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตรมากที่สุด ซึ่งเรามองบริษัทจะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรของภาครัฐหรือราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) เดือน ก.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.3 จุด ต่อด้วยตัวเลขส่งออกของเยอรมัน เดือน พ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +1.6% MoM
  • วันอังคาร ติดตามแถลงการณ์ของประธานเฟด Jerome Powell ต่อรัฐสภา
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีน เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.4% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่ +0.3% YoY
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.1% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +3.3% YoY และตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ +3.4% YoY ทรงตัวจากเดือนที่ผ่าน ปิดท้ายด้วย ตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.38 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขส่งออกของจีนเดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +7.9% YoY เร่งตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +7.6% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีน เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.2% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่ +1.8% YoY ในส่วนของสหรัฐติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index) เดือน มิ.ย. เทียบกับเดือนที่ผ่านมาที่ +2.2% YoY และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 67.0 จุด ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 68.2 จุด
- Advertisement -