Daily Focus: Selective and Earnings Play
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด ปิดบวกได้เล็กน้อย 3.36 จุด ที่ระดับ 1,323.28 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 3.4 หมื่นลบ. หนุนโดยกลุ่มขนส่ง สื่อสารฯ อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ โรงไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ถ่วง คือ อาหาร ไฟแนนซ์ ท่องเที่ยวธนาคาร ปิโตรฯ สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2 พันลบ. (แต่ Long Index Futures สุทธิถึง 1.5 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในแดนบวกและมีโอกาสทะลุผ่านแนวต้านหลัก ระยะสั้นที่ 1,325 จุด มากขึ้น และเปิด Upside เข้าหา 1,350+- จุด หนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส โดยถ้อยแถลงของประธาน FED ต่อสภาคองเกรสวันที่ 2 ยังค่อนไปในทาง Dovish โดยส่งสัญญาณชัดเจนว่า FED จะไม่รอให้เงินเฟ้อลงถึง 2% ถึงจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ย ทำให้ตลาดคาดหวังว่าจะเริ่มเห็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกเดือน ก.ย. และครั้งที่ 2 เดือน ธ.ค. ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index ยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว ส่วนปัจจัยในประเทศประเด็นคดีนายกฯ เศรษฐาถูกนัดพิจารณาครั้งถัดไปวันที่ 24 ก.ค. ส่วนบอร์ด Digital Wallet ชุดย่อยปรับลดวงเงินโครงการลงเหลือ 4.5 แสนลบ.โดยอาจไม่ใช้เงินจากธ.ก.ส. โดยใช้งบปี 67-68 เท่านั้นเรามองช่วยเพิ่มความน่าจะเป็นที่โครงการจะเกิดขึ้นได้สำเร็จ รวมถึงห้ามใช้กับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ยังไม่ระบุถึงประเด็นใช้ในร้านสะดวกซื้อ โดยบอร์ดใหญ่จะประชุมวันที่ 15 ก.ค. และนัดแถลงใหญ่ 24 ก.ค. เรามองหากคดีการเมืองคลี่คลายในเชิงบวกจะทำให้ปัจจัย Overhang หายไป หนุนการฟื้นตัวระยะกลาง-ยาว โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ระยะสั้นเราคาดหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 ออกมาแข็งแกร่งจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาหนุนและเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาดและมี ESG Rating สูง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ก.ค.: CPF, DOHOME, PHG, SAPPE, TTA
FSSIA Portfolio: AOT, BMS, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU
หุ้นเด่น Finansia 11 ก.ค. 24 : ITC
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท
- เราคาดกำไรปกติ 2Q24 ที่ 969 ลบ. +10% q-q, +124% y-y สูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส หนุนจากรายได้ที่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง รวมถึง Margin คาดว่ายังยืนในระดับสูง
- แนวโน้มกำไร 3Q24 คาดยังมีลุ้นทรงตัวถึงปรับขึ้นต่อและมีโอกาสทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q24 ประเด็นที่บวกมากขึ้นคือ ราคาขายอาจไม่ลดลงใน 2H24 ทำให้โมเมนตัมของกำไรยังใน 2H24 ยังดูดีต่อเนื่อง คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 3.2 พันลบ. +39% y-y
- แนวรับ 23.20-23 บาท แนวต้าน 24//24.50 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมในภูมิภาคยังผสมผสาน สุทธิแล้วไหลออกบางๆ US$42 ล้าน ภาพยังใกล้กับช่วง 2 วันก่อนหน้า เม็ดเงินไหลเข้ากระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$344 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$276 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินพลิกมาไหลออกทุกประเทศ นำโดยไทยและเวียดนามประเทศละ US$41-56 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนว่าโอกาสพลิกมาไหลเข้า หลังตลาดตอบรับและคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED ที่มากขึ้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0/+) กลุ่มโรงไฟฟ้า ที่ประชุมกกพ.วานนี้ได้พิจารณาค่า Ft และอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดก.ย.-ธ.ค. 2567 พบว่าต้นทุนค่าไฟเพิ่มขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 20-40 สตางค์ จากค่าไฟงวดปัจจุบันหน่วยละ 4.18 บาท จะมีการแถลงข่าว 3 ทางเลือกค่าไฟวันที่ 12 ก.ค.นี้ เพื่อให้ประชาชนและผู้ส่วนได้เสีย, ทำการเลือกและแสดงความเห็น ก่อนจะประกาศใช้ทางการวันที่ 1ส.ค.นี้ โดยตัวเลขการปรับขึ้นจะมีอยู่ 3 ทางเลือก คือ 1) ขึ้นไม่มาก รวมการคืนหนี้ กฟผ.เล็กน้อย 2) ขึ้นบางส่วนรวมคืนหนี้ กฟผ.บางส่วน และ 3) ขึ้นสูงสุด หมายถึงการคืนหนี้ให้ กฟผ. ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อรับฟังความเห็นแล้ว จะเลือกการปรับขึ้นน้อยที่สุด ส่วนแนวทางไม่ขึ้นเลยหรือตรึงไว้ที่ระดับ 4.18 บท ต้องขึ้นกับรัฐมนตรีว่าการกระทราวพลังงาน หากปรับขึ้นก็จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะ SPP อย่าง GPSC และ BGRIM
(0) TIDLOR คาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1.1 พันลบ. -1% q-q , +18% y-y หลักๆ มาจากการตั้งสำรอง ECL ที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง เราคาด PPOP ที่ 2.2 พันลบ. +2.3% q-q, +21.8% y-y จากการขยายตัวของสินเชื่อ 3.5% q-q, 19% Y-Y ขณะที่ loan spread ทรงตัว แม้ cost of fund ปรับขึ้นแต่ถูกชดเชยด้วย loan yield ที่สูงขึ้น เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 เติบโตเฉลี่ย +20% CAGR บนสมมติร่านการเติบโตของสินเชื่อ 15% CAGR อย่างไรก็ตาม เราปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 21 บาท จาก 27 บาท เพื่อสะท้อน cost of equity ที่เพิ่มขึ้น แต่ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) SCGP เราคาดกำไร 2Q24 1.4 พันลบ. -14% q-q, +4% y-y ภาพรวมตลาด Packaging ทั่วโลกยังสดใส Demand ที่ดีทำให้บริษัทขยับราคาขายขึ้นตามต้นทุนได้เพียงแต่มี lag time ราว 2 เดือน ปัจจุบัน SCGP ถือ Fajar 55% และอยู่ระหว่างซื้อส่วนที่เหลือ 44.48% กำหนดชำระเงินภายใน ส.ค. นี้ ใช้เงินราว 2.3 หมื่นลบ.คาดรวมงบฯ Fajar ก.ย. ปีนี้ การซื้อ Fajar ไม่ได้น่ากลัว บนสมมติฐานดอกเบี้ย 3% ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่ม กระทบกำไรไม่เกิน 4-5% แม้ว่าปัจจุบัน Fajar จะยังขาดทุน แต่ก็ขาดทุนลดลงและคาดว่าจะกลับมากำไรได้ในปีหน้า ขณะที่ Operations ที่อื่นของ SCGP ทั้ง ASEAN, Europe, US แข็งแกร่ง ช่วยลดผลกระทบของ Fajar ได้ ราคาหุ้นที่ปรับลง เพราะกังวล Fajar เรามองเป็นโอกาสสะสมเพราะ Valuations ที่ถูก EV/EBITDA เพียง 9.1x คงราคาเป้าหมาย 43 บาท
(0) SCGD คาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 265 ลบ. +3% q-q, +96% y-y จากโครงการลดต้นทุนพลังงานและเพิ่มสินค้า HVA หนุน GPM สูงขึ้น ชดเชยการหดตัวข้องยอดขาย เนื่องจากความต้องการใช้กระเบื้องของประเทศไทยใน 2Q24 หดูตัวราว 10% y-y จากวันหยุดยาว รวมถึงภาวะซบเซาของตลาดอสังหาฯ ส่วนตลาดภูมิภาคเริ่มฟื้นตัว เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2024-2026 ลง 17-19% เป็น 1.1 พันลบ. +39% Y-Y, 1.2 พันลบ. +11% y-y และ 1.3 พันลบ. +6%y-y ตามลำดับ ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 9.80 บาท คาดหวัง Demand ฟืนใน 2H24 และราคาหุ้นที่มี Upside เปิดกว้าง แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 429.39 จุด หรือ +1.09% ปิดที่ 39,721.36 จุด ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ปรับตัวขึ้นขานรับการเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการบริษัทในเชิงบวก ขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับความเห็นของประธานเฟด ที่แถลงนโยบายต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก นำโดยตลาดนิกเกอิที่ทำจุดสูงสุดใหม่ สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของตลาดสหรัฐฯ เมื่อวานนี้
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.20%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 82.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินลดลงมากกว่าคาด แต่แรงบวกของราคาน้ำมันถูกจำกัด หลังมีรายงานว่าพายุเฮอร์ริเคนเบริล (Beryl) ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันเพียงเล็กน้อย ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 82.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.38%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 11.80 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ 2,379.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากประธานเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,380.30 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +0.03%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 833.37/ –