SCGP ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษ พร้อมร่วมมือลูกค้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
SCGP ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย ที่สามารถระบุปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ครอบคลุมกลุ่มสินค้าเยื่อกระดาษ กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์กระดาษ บรรจุภัณฑ์อาหาร และบรรจุภัณฑ์พลาสติก เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าได้ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อโลกที่ยั่งยืนร่วมกัน
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP เห็นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ ที่มุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 โดยมุ่งดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมีคุณภาพไปพร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม และดำเนินงานตามมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เช่น สหภาพยุโรปที่กำหนดให้ต้องระบุปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากตัวสินค้า เพื่อส่งมอบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ลูกค้า รวมถึงตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
ล่าสุด SCGP ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ผลิตในประเทศไทย ที่สามารถระบุปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ได้แก่ เยื่อกระดาษ กระดาษ กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์พลาสติก รวมทั้งสิ้น 109 ผลิตภัณฑ์ และได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากกระบวนการพิมพ์และการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์กระดาษรวม 16 กระบวนการ ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษภายใต้การประเมินแบบ Cradle to Gate (B2B) ส่วนกลุ่มสินค้ากระดาษถ่ายเอกสารและบรรจุภัณฑ์อาหาร (Fest) ได้รับการรับรองรวม 19 ผลิตภัณฑ์ ภายใต้การประเมินแบบ Cradle to Grave (B2C) ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลให้ผู้บริโภคได้ทราบว่า ตลอดวัฏจักรของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาปริมาณเท่าไหร่ ตั้งแต่ขั้นตอนการได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การกระจายสินค้า การใช้งาน และการจัดการของเสียหลังจากหมดอายุการใช้งาน
การได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์นี้ ถือเป็นเป้าหมายของ SCGP ในการร่วมมือกับลูกค้าเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้สอดคล้องกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของภาครัฐที่มีการบังคับใช้มากขึ้นในหลายประเทศ ในขณะเดียวกัน การระบุปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกสินค้าที่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย