วันนี้คาดตลาด “Sideway Up”
แนวรับ 1,320 / 1,310 แนวต้าน 1,333 / 1,342
ท่าทีของประธาน FED ยัง Dovish ต่อเนื่อง หนุนคาดการณ์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ขณะที่แนวโน้มการได้รับชัยชนะของ อดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ คาดเป็นทั้งปัจจัยบวกและลบต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามเรามองการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวลงคาดกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้ รวมทั้งหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ คาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลความสามารถในการชำระหนี้ของ EA ยังแนะนำเลือกเล่นหุ้นรายตัว
Our View? “สะสมกำลังใหม่”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,320 / 1,310 และแนวต้านที่บริเวณ 1,333 / 1,342 เมื่อคืนนี้ คุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวถ้อยแถลงที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดีชี (Economic Club of Washington, D.C.) โดยยังส่งสัญญาณ Dovish ต่อเนื่อง โดยกล่าวว่าจะไม่รอให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับ 2% ก่อนที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง กระตุ้นความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่มากกว่า Dot-Plot ในการประชุม FOMC ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดการณ์ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในเดือน ก.ย. ที่ระดับ 90.0%+/- เร่งตัวขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่อง อีกทั้งยังเริ่มคาดว่า FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน พ.ย. เพิ่มเติมจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ต่อ
รวมทั้งเราคาดตลาดอาจได้จิตวิทยาเชิงบวก จากทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง จากความคาดหวังอดีต ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถชนะการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐในเดือน พ.ย. ซึ่งจะส่งผลให้มีการผลักดันการปรับลดภาษีลงเป็นบวกต่อผลประกอบการของ บจ.ในตลาดสหรัฐ อย่างไรก็ตามเรามองประเด็นดังกล่าวอาจกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคโดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน จากความกังวลการเกิดสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีบรอบใหม่ คาดเป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้บ้าง ทั้งนี้เราแนะนำให้ติดตามท่าทีของพรรคเดโมแครต และปธน. โจ ไบเดน ว่าจะมีโอกาสเปลี่ยนผู้เข้าชิง ปธน. คนใหม่หรือไม่ ซึ่งเรามองอาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้ในระยะถัดไป
ขณะที่เมื่อวานนี้เรามีมุมมองเชิงลบอ่อนๆ ต่อการรายงานตัวเลข GDP 2Q67 ของจีน +0.7QoQและ +4.7%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาด และต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนเศรษฐกิจจีนยังอยู่ในภาพชะลอตัวอยู่คาดจะกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้บ้างเช่นกัน
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. อ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 81.91 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.30 ดอลลาร์ (-0.36%) เรามองได้รับแรงกดดันจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอลง รวมทั้งรายงานตัวเลขการนำเข้าน้ำมันของจีนปรับตัวลง 11%YoY ในเดือน มิ.ย. กระตุ้นความ กังวลอุปสงค์น้ำมันอ่อนแอ อีกทั้งเรายังคงมุมมองความไม่แน่นอนของความวุ่นวายในตะวันออกกลางจากประเด็นการทำข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา รวมทั้งท่าทีของ OPEC+ ที่เปิดช่องให้สมาชิกสามารถปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นได้ คาดส่งผลให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงได้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามองยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้นได้ดีของตลาด อีกทั้งเราคาดว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่คาดจะได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความสามารถชำระหนี้ของ EA ซึ่งมีเงินกู้กับธนาคาร 31,000 ล้านบาท และมีหุ้นกู้ 31,146 ล้านบาท คาดเป็น ปัจจัยกดดัน-จำกัด Upside ของหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ได้ อีกทั้งเรายังคงมุมมองปัจจัย Overhang ทางการเมืองในประเด็นคุณสมบัตินายกฯ และคดียุบพรรคก้าวไกลที่คาดจะทราบผลการตัดสินก่อนเดือน ก.ย. เรายังมองเป็นปัจจัย Overhang ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ต่อ อีกทั้งเราคาดตลาดจะเริ่มสนใจการรายงานผลประกอบการ 2Q’67 ของบจ. ในตลาดที่จะทยอยออกมา ทำให้เรายังคงมองกลยุทธ์การเลือกเล่นหุ้นรายตัวยังเป็นกลยุทธ์ที่มีความได้เปรียบอยู่สำหรับตลาดหุ้นไทย
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “OSP”
- นักวิเคราะห์ของเราคาดว่าผลประกอบการ 2Q’67 คาดยังสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจาก 1Q’67 ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น โดยคาดแนวโน้มยอดขายยังเร่งตัวขึ้น และตลาดเมียนมาร์ยังโตต่อเนื่อง อีกทั้งมาร์จิ้นยังได้อานิสงส์ต้นทุนพลังงาน และค่าไฟที่ลดลง YoY
- ทางเทคนิค ราคาอยู่ในกรอบทิศทางแนวโน้มขาขึ้นยืนเหนือ EMA200 วันได้ต่อเนื่อง พยายามขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ชะลอการอ่อนตัวลง พร้อม RSI เริ่มวกตัวขึ้น
- แนะนำ “ซื้อสะสม”
- แนวรับ 23.30 / 22.30 Target 24.60 /26.00 Stop <22.00