SAWAD ฐานะการเงินแกร่ง กระแสเงินสดจากธุรกิจดีเยี่ยม ไร้กังวลชำระคืนหุ้นกู้ เดินหน้าขายหุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ 25-30 ก.ค.นี้ ชูยีลด์สูงสุด 5.25%
SAWAD ตอกย้ำความเชื่อมั่นด้านฐานะการเงิน และกระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจที่ดีตามธรรมชาติของธุรกิจที่ลูกหนี้ชำระเงินต่อเนื่องทุกๆวัน หนุนการชำระหนี้หุ้นกู้ครบกำหนดตรงตามเวลา ไร้กังวลเกี่ยวกับการชำระคืนหุ้นกู้ แถมมีพันธมิตรสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ‘คาเธ่ย์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง’สนับสนุน มั่นใจผลงานปี 67 เข้าเป้า สะท้อนผ่านผลงานโค้งแรกของปีกำไรเติบโตเพิ่มขึ้น คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังสินเชื่อฟื้นตัวดี พร้อมเดินหน้าประกาศขายหุ้นกู้ชุดใหม่อายุ 3-5 ปี ชูดอกเบี้ยสูงสุด 5.25% วันที่ 25-26 และ 30 กรกฎาคมนี้ นำเงินลุยธุรกิจครึ่งปีหลังตามแผน
นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากความกังวลในตลาดหุ้นกู้ในขณะนี้ บริษัทขอยืนยันสถานะทางการเงินของบริษัทว่าอยู่ในระดับแข็งแกร่ง สามารถบริหารงานและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกระแสเงินสดที่ดีเพราะธุรกิจมีเงินคืนจากการชำระค่างวดของลูกหนี้ทุกๆวัน ทำให้ไม่มีความกังวลใดๆเกี่ยวกับการคืนเงินหุ้นกู้ที่ครบกำหนด และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีการชำระคืนหุ้นกู้ตรงเวลา อีกทั้งบริษัทมีพันธมิตร ‘คาเธ่ย์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง’ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ที่มีความน่าเชื่อถือ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์มากกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ตามราคาตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ค. 67) ที่พร้อมสนับสนุนแหล่งเงินทุนในการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงานเมื่อมีความต้องการ ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมา บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่สูงและเพียงพอต่อการบริหารจัดการและการชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตรงตามกำหนดเสมอมา
ส่วนเป้าหมายในปี 2567 บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อขยายตัวอย่างต่ำประมาณ 20% สนับสนุนให้รายได้และกำไรขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 5,412 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 1,278 ล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อรวม 99,819 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นสอดรับกับความต้องการสินเชื่อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ตามที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่บริษัทฯให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินเชื่อเป็นอันดับแรกและเป็นกลยุทธหลักในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มศรีสวัสดิ์
“ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการปรับคุณภาพหนี้เชิงรุกและคาดว่าจะกลับสู่สภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับความต้องการสินเชื่อมีแนวโน้มมากขึ้นช่วงครึ่งปีหลังในพื้นที่ต่างจังหวัด ส่งผลบวกอย่างชัดเจนต่อธุรกิจ บริษัทจึงได้ระดมเงินทุนตามแผนที่วางไว้ในปีนี้ ด้วยการเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ใหม่รวม 3 ชุด เพื่อปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังตามดีมานด์ของลูกค้า โดยเน้นย้ำการปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพด้วยความรับผิดชอบ และไม่สร้างภาระหนี้เกินความจำเป็นของลูกค้า สอดรับกับแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยและนโยบายของบริษัทที่วางกรอบควบคุมเอ็นพีแอลในระดับ 3-4 %” ธิดากล่าว
ล่าสุดบริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป รวม 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี 1 เดือน 15 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.85% ต่อปี, ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี 3 เดือน 24 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.00% ต่อปี และชุดที่ 3 อายุ 5 ปี 3 เดือน 23 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.25% ต่อปี โดยจะจ่ายดอกเบี้ย ทุก ๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ โดยจัดจำหน่ายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 14 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขาย 25-26 และ 30 กรกฎาคม 2567
“ทั้งนี้กลุ่มศรีสวัสดิ์ ได้ดำเนินธุรกิจและสร้างการเติบโตจนก้าวสู่ผู้นำธุรกิจนอนแบงก์ของไทยและขยายการเติบโตสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมาในการระดมเงินทุนผ่านการเสนอขายหุ้นกู้ บริษัทไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ สามารถจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยครบตามกำหนดเวลามาโดยตลอด ซึ่งการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ครั้งที่ 2 ในปีนี้ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในบริษัทจากแผนงานและการดำเนินงานที่ชัดเจน” คุณธิดา กล่าวทิ้งท้าย