บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

Home Product Center Plc. 4Q64 ฉายแววสดใส หนุนกำไรปีนี้โตแน่ และฟื้นชัดปีหน้า

  • 3Q64 รับผลกระทบหนักสุด แม้ปิดสาขาน้อยลง แต่สาขาที่เปิดได้ห้ามขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • ผู้บริหารมั่นใจปีนี้กำไรเติบโตแน่นอน โดยงวด 4Q64 ส่อแววสดใส สามารถเพิ่มมาร์จิ้นจากการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้า Private Brands ยังคงเป้าอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นจากปีก่อน 30 bps.
  • เป็น 1 ในหุ้นค้าปลีกที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง และมีแผนรองรับการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว บวกกับปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปี 65 ซึ่งอยู่ที่ 18 บาท มี Upside 22.4% ยืนยัน ซื้อ

ประเด็นการลงทุน

  • 3Q64 รับผลกระทบหนักสุด แม้ปิดสาขาน้อยลง แต่สาขาที่เปิดห้ามขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า-โดยยอดขายสาขาเดิมในเดือนก.ค.- ส.ค. ลดลงไปราว 20-30% YoY ขณะรายได้พื้นที่เช่าลดลงอย่างหนัก เพราะสามารถเปิดได้ให้บริการให้เฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายยา ขณะที่ล็อกดาวน์โควิดรอบก่อนแรกในงวด 2Q63 ธนาคารและร้านบริการมือถือยังเปิดได้ ทั้งนี้เดือนก.ย.64 ยอดขายสาขาเดิมกลับมาเติบโต YoY อีกครั้ง หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์ให้กลับมาเปิดให้ตามปกติ ขณะร้านค้าพื้นที่เช่าเริ่มทยอยกลับมาให้บริการได้แล้ว เป็นผลให้ยอดขายสาขาเดิมของโฮมโปร 3Q64 ลดลง 11% YoY แต่ยอดขายที่มาเลเซียกระทบหนักฉุดยอดขายรวมลดลง 12.6% YoY ขณะรายได้พื้นที่เช่าลดลงถึง 55.5% YoY ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 25.2% จาก 25.8% งวด 3Q63 เพราะยอดขายผ่าน E-Commerce ซึ่งสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขายดีมาก แต่มีมาร์จิ้นต่ำ มีสัดส่วนยอดขายเพิ่มเป็น 9.4% จาก 6.4% งวด 2Q64 และ 3.5% งวด 3Q63 แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัว QoQ ได้ เพราะมีการปรับขึ้นราคาสินค้า Private Brand ราว 3-5% ซึ่งได้ครอบคลุมผลกระทบต้นทุนค่าขนส่งนำเข้าสินค้าทางเรือที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบเงินบาทอ่อนค่าแล้ว แม้ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีโดยลดลงกว่า 10% ทั้ง YoY และ QoQ ฉุดกำไรงวด 3Q64 ต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง คืออยู่ที่ 870 ล้านบาท ลดลง 39% QoQ และ 38% YoY
  • ผู้บริหารมั่นใจปีนี้กำไรเติบโตแน่นอนโดยงวด 4Q64 ส่อแววสดใส-โดยยอดขายสาขาเดิมเดือนต.ค. กลับมาเติบโตเกิน 10% YoY แล้วร้านค้าพื้นที่เช่ากลับมาให้บริการตามปกติแล้ว แต่ยังให้ส่วนลดเฉลี่ยราว 20% โดยรวมผู้บริหารมั่นใจว่ากำไรในปีนี้จะเติบโต YoY อย่างแน่นอน ทั้งนี้ยอดขาย 4Q64 จะเติบโตจากยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น ยอดขายสาขาใหม่ รวมถึงยอดขายผ่าน E-Commerce ที่ยังเติบโตได้ดี โดยเดือนต.ค. ยังมีสัดส่วนสูงถึง 7% ของยอดขายรวม นอกจากนี้ ทางบริษัทมีการนำสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของตบแต่งบ้านที่เป็นสินค้า Private Brand มาร์จิ้นสูงขายผ่านช่องทาง Shopee ภายใต้แบรนด์ Homepro Living Mall เพื่อช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่าน E-Commerce ให้สูงขึ้น รวมทั้งช่วยเพิ่มมาร์จิ้นผ่านช่องทางขายดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30 bps. จากการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้า Private Brand จาก 19.5% ในปีก่อนหน้าเป็น 20% ในปีนี้โดยงวด 9M64 สัดส่วนยังอยู่ที่ 19.5% แต่การรุกการตลาดสินค้า Private Brand ที่เพิ่มขึ้นในงวด 4Q64 คาดจะช่วยให้สามารถทำได้ตามเป้า ขณะที่กำไรสุทธิงวด 9M64 เพิ่มขึ้น 1.5% YoY บวกกับแนวโน้มกำไรงวด 4Q64 ที่ส่อแววสดใส ทำให้เรายังคงประมาณการเดิม โดยคาดกำไรปีนี้จะอยู่ 5,329 ล้านบาท เติบโต 3.4% และจะกลับมาเติบโตในระดับปกติที่ 16.4% ในปี 65  นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีที่ดินหลายแห่งที่เตรียมไว้รองรับการขยายสาขาในอนาคต ซึ่งจะเปิดเป็นโฮมโปรหรือเมก้าโฮมขึ้นอยู่กับทำเลและระยะเวลาที่เหมาะสม

คําแนะนํา

  • เป็น 1 ในหุ้นค้าปลีกที่มีผลประกอบการแข็งแกร่งและมีแผนรองรับการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว บวกกับปรับมาราคาเป้าหมายปี 65 ซึ่งอยู่ที่ 18 บาท มี Upside 22.4% ยืนยัน ซื้อ

ปัจจัยเสี่ยง

  • การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการทยอยปลดล็อกดาวน์ในพื้นที่ต่างๆ อาจนำไปสู่การการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 65 อีกครั้ง
- Advertisement -