บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

AP (THAILAND) คาดกำไร 3Q64 ชะลอตัวแต่ภาพทั้งปียังแกร่ง

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) 22.5%

Close Nov 02, 2021 Price (THB) 8.90

12M Target (THB) 10.90

Previous Target (THB) 10.90

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 1.0 พันลบ. (-9.2%QoQ,-30.2%YoY) จากผลกระทบของ COVID-19 แต่ประมาณการทั้งปี 2564 ยังมี Upside risk ที่ราว 5-10%
  • บริษัทรายงานยอด Presale 3Q64 ที่ 9.4 พันลบ. (-4.3%QoQ, +4.9%YoY) คิดเป็นโครงการแนวราบที่ 8.8 พันลบ. สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่บริษัทเคยทำได้
  • คาดบริษัทปรับรถเป้าหมายการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564 ลงราว 17% เป็น 3.1 หมื่นลบ. แต่ไม่กระทบเป้าหมาย Presale ปี 2564

Our View

  • คงประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 ท่ี 4.3 พันลบ. และ 4.2 พันลบ. ตามลำดับ แต่หากบริษัทรายงานกำไรปกติ 3Q64 ใกลเ้คียงกับท่ีเราคาดการณ์ กำไร 9M64 จะคิดเป็นกว่า 82.3% ของประมาณการกำไร ทั้งปี 2564 จึงคาดมี Upside risk ที่ราว 5-10%
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ท่ี 10.90 บาท/หุ้ร ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER1H65 ท่ี เพียง 6.0x ต่ำกว่ากลุ่มที่ราว 8.0x อย่างมีนัยสำคัญ
  • AP มีจุดเด่น คือ นโยบายจ่ายเงินปันผลปีละครั้ง คาดท่ี 0.50 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 5.6%

คาดกำไรปกติ 3Q64 ลดลง QoQ และ YoY จากผลกระทบของ COVID-19

เราคาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 1.0 พันลบ. (-9.2% QoQ, -30.2% YoY) ลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากผลกระทบเชิงลบของการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกที่ 3 เป็นผลให้กิจกรรมการเดินทางลดลง รวมไปถึงมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างเป็นระยะเวลา 30 วัน ในช่วงต้น 3Q64 จำกัดกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์และการนำสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด ทำให้เราคาดรายได้ 3Q64 ลดลง 8.8% QoQ และ 19.9% YoY อยู่ที่ 7.3 พันลบ. อย่างไรก็ดี เราคาดกำไรยังคงระดับสูงกว่า 1.0 พันลบ. หนุนจากการโอนโครงการ JV เสร็จใหม่จำนวน 1 โครงการ คือ Life Ladprao Valley (โครงการ JV มูลค่า 6.4 พันลบ. ณ สิ้น 2Q64 มียอดขายแล้ว 68%) ทำให้ส่วนแบ่งกำไรร่วมค้าคาดเติบโตเด่นกว่า 81.6% QoQ อยู่ที่ 329 ลบ. (กำไรที่คาดลดลงกว่า 30% YoY เป็นผลมาจากการโอนโครงการ JV ที่หนาแน่นในช่วง 3Q63)

Presale แนวราบ 3Q64 เฉียดทำ New High หนุนจาก Take-up โครงการเปิดตัวใหม่ที่คึกคัก

บริษัทรายงานยอด Presale 3Q64 ที่ 9.4 พันลบ. (-4.3% QoQ, +4.9% YoY) แบ่งเป็นโครงการแนวราบที่ 8.8 พันลบ. (-3.5% QoQ, +8.9% YoY) เป็นจุดสูงสุดอันดับ 2 ที่บริษัทเคยทำได้ (น้อยกว่าเพียงช่วง 2Q64 ที่เป็น All-time-high) จากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการความเป็นส่วนตัว และมีความเป็นสัดส่วนที่อยู่อาศัย (Social Distancing) หนุนด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการรวมมูลค่า 7.0 พันลบ. (Take-up rate เฉลี่ยอยู่ที่ 9-36%) ทั้งนี้ บริษัทรายงานยอด Presale โครงการแนวสูงในช่วง 3Q64 ที่ 605 ลบ. ลดลง 15.1% QoQ และ 32.1% YoY จากการเลื่อนการเปิดตัวโครงการแนวสูงใหม่จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่า 8.3 พันลบ. ไปยังช่วง 4Q64 ขณะที่มีสินค้าแนวสูงประเภท Ready-to-move อยู่ในระดับเพียงราว 7.1 พันลบ. (คอนโด AP และ JV ที่ราว 500 ลบ. และ 6.6 พันลบ. ตามลำดับ)

Presale 9M64 อยู่ที่ 2.7 หมื่นลบ. แบ่งเป็นแนวราบ-แนวสูงที่ 2.5 หมื่นลบ. และ 2.0 พันลบ. ตามลำดับ และคิดเป็น 77% จากเป้าหมายทั้งปีของ บริษัท ที่ 3.6 หมื่นลบ. (Presale แนวราบและแนวสูง 9M64 คิดเป็น 90.2% และ 26.6% เข้าเป้าหมายทั้งปีที่ 2.8 หมื่นลบ. และ 7.5 พันลบ. ตามลำดับ)

คาดบริษัทปรับลดแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ราว 17% เป็น 3.1 หมื่นลบ. ในปี 2564

ในช่วง 9M64 บริษัท มียอดเปิดตัวโครงการใหม่สะสมจำนวน 10 โครงการ เป็นโครงการแนวราบทั้งสิ้นรวมมูลค่า 1.1 หมื่นลบ. และคิดเป็นเพียง 29.5% ของแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปีที่ 3.8 หมื่นลบ. เป็นผลมาจากการเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการจากช่วง 3Q64 ไปยัง 4Q64 แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1 โครงการ มูลค่า 1.1 พันลบ. และโครงการแนวสูง 2 โครงการ รวมมูลค่า 8.3 พันลบ.

ทั้งนี้ เราคาดบริษัทจะปรับลดเป้าหมายการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564 ลงราว 17% จาก 3.8 หมื่นลบ. เป็น 3.1 หมื่นลบ. จากการเลื่อนการเปิดตัวโครงการแนวสูง 2 โครงการ รวมมูลค่า 4.7 พันลบ และโครงการแนวราบ 2 โครงการรวมมูลค่าราว 2.0 พันลบ. ไปยังปี 2565 อย่างไรก็ดี เรามองว่าการเลื่อนการเปิดตัวโครงการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมาย Presale ของบริษัทในปี 2564 ที่ 3.6 หมื่นลบ. เนื่องจากคาดยอด Presale 4Q64 จะเติบโตขึ้นเด่น QoQ และ YoY แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่นกว่า 2.0 หมื่นลบ.

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 10.90 บาท/หุ้น … ประมาณการกำไรปี 2564 ยังมี Upside risk

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะ ณ สิ้น 1H65 ที่ 10.99 บาท/หุ้น (อิง PERH65 ที่ 8.1x เทียบเท่า + 1.0SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท ) และคาดเบื้องต้นประมาณการกำไรปี 2564 ยังมี Upside risk ที่ราว 5-10% (หากบริษัทรายงานกำไรปกติ 3Q64 ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของเราที่ 1.0 พันลบ. กำไร 9M64 จะคิดเป็นกว่า 82.3% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2564 ของเราที่ 4.3 พันลบ.) ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER2565 ที่เพียง 6.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 8.0% อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่คาด AP เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับผลบวกจากการปลดล็อกมาตรการ LTV มากที่สุด จากการมีสินค้า Available for Sales ในระดับที่สูงถึง 4.9 หมื่นลบ.  นอกจากนี้ AP ยังมีจุดเด่น คือ นโยบายจ่ายเงินปันผลปีละครั้ง คาดการณ์ที่ 0.50 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 5.6% ช่วย จำกัด Downside Risk ในระยะสั้น

- Advertisement -