บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

T.A.C. Consumer ประมาณการ 3Q64F: กำไรจะโตต่อเนื่อง YoY

Event

ประมาณการ 3Q64

Impact

กําไรใน 3Q64F มีแนวโน้มแข็งแกร่ง YoY

ถึงแม้ว่าผลประกอบการจะแผ่วลงจากปัจจัยฤดูกาลและสถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดหนักใน 3Q64 แต่เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TACC ใน 3Q64F จะอยู่ที่ 52 ล้านบาท (+11.4% YoY, -3.4% QoQ) ซึ่งหากอิงตามประมาณการของเรากำไรสุทธิใน 3Q64F และ 9M64F จะคิดเป็น 24.7% และ 72.4% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเราที่ 211 ล้านบาท เราคาดว่ารายได้จากยอดขายและบริการจะอยู่ที่ 349 ล้านบาท (+1.0% YoY, -0.9% QoQ) ในขณะที่คาดว่าต้นทุนขายและบริการจะอยู่ที่ 216 ล้านบาท (-7.7% YoY, +0.5% QoQ) เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 38.0% ใน 3Q64F เพิ่มขึ้น 5.8ppts YoY แต่ลดลง 0.9ppt QoQ โดยอัตรากำไรที่แข็งแกร่งจะเป็นเพราะ i) มีสัดส่วนยอดขายสินค้า margin สูงเพิ่มขึ้น (ยอดขายของ All Cafe คิดเป็นประมาณ 40% ของยอดขายรวม) จากขนาดถ้วยที่ใหญ่ขึ้นเป็น 22 oz. (จากเดิม 16 oz.) ii) ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน (วัตถุดิบ, logistic และการขยายสาขาร้าน 7-Eleven อย่างต่อเนื่อง) iii) คุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี ดังนั้นเราจึงคาดว่าผลการดำเนินงานของ TACC จะแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจาก margin ที่แข็งแกร่ง เพราะ product mix ที่ดีและกลยุทธ์การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

ยังคงมองบวกเหมือนเดิม

หลังจากผ่านช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 เลวร้ายที่สุดของประเทศไทยใน 3Q64 ไปแล้ว เราคาดว่าธุรกิจของ TACC น่าจะแข็งแกร่งขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้า โดยเราคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะโตจากทั้งธุรกิจ B2B และ B2C โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ B2B จะมาจาก i) การขยายสาขาร้าน 7-Eleven อย่างต่อเนื่องปีละ 700 สาขา และ ii) ปริมาณยอดขายของ All Cafe เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับธุรกิจ B2C เราเชื่อว่าโมเมนตั้มจะเป็นบวกหลังสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งก่อนเกิดโรคระบาดธุรกิจนี้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวม แต่ปัจจุบันคิดเป็นเพียง 3% เท่านั้น เนื่องจากรายได้จากการจัด events ลดลง เรามั่นใจว่าภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ธุรกิจ B2C ของ TACC ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง และกลับมาอยู่ระดับปกติตามมา คงประมาณการกำไรปี 2564-65F เอาไว้เท่าเดิม

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564F เอาไว้ที่ 211 ล้านบาท (+11.9% YoY) และปี 2565F ที่ 239 ล้านบาท (+13.6% YoY)

Valuation & Action

เรามองบวกมากขึ้นกับแนวโน้มกำไรของ TACC ในอีกสองสามปีข้างหน้า ประกอบกับ ROE ที่สูง (>25%) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ใหม่ที่ 10.20 บาท (อิงจาก P/E ที่ 25.9x เท่ากับค่าเฉลี่ย 0.25 S.D. ) จากเดิมที่ 9.00 บาท P/E ที่ 22.8x, -0.5 SD)

Risks COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

- Advertisement -