บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

A.J. PLAST PCL คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ชะลอตัวได้รับแรงกดดันจาก FX

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +24.3%

Close Nov 03, 2021 Price (THB) 18.50

12M Target (THB) 23.00

Previous Target (THB) 23.00

What’s new?

  • คาดกาไรปกติ 3Q64 ทรงตัว QoQ เติบโต +9% YoY โดยได้รับปัจจัยหนนุจากค่าเงินบาทท่ีอ่อนตัวลง YTD และปริมิาณขายที่สูงขึ้น แต่คาดกำไรสุทธิที่ 66 ล้านบาท ชะลอตัว -61%QoQ และ -59%YoY จากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนท่ีราว -124 ล้านบาท
  • ปรับประมาณการปี 2564-65 ขึ้นเป็น 677 ล้านบาท และ 701 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นท่ีทรงตัวอยู่ในระดับ 13-14% อย่างต่อเนื่อง สำหรับปี 2565 คาด GPM อย่างระมัดระวังที่ 13%

Our View

  • เราคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ท่ี 23.00 บาท/หุ้น อิง PBV2.0 เท่า มี Upside 24.3% คงคำแนะนำ “ซื้อ” นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการรอผลการยื่นคำร้องต่อกรมการค้าต่างประเทศให้มีการใช้มาตรการ AD โดยคาดจะมีความชัดเจนในช่วง 1Q65
  • ในเชิงกลยุทธ์อาจเลือกชะลอการลงทุนใน AJ ออกไปก่อน เนื่องจากยังคงขาดปัจจัยเฉพาะตัว รวมถึงกำไรสุทธิ 3Q64 ท่ีชะลอตัว QoQ และ YoY อาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น

คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ชะลอตัวกดดันจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

คาดรายได้ 3Q64 ที่ 2,363 ล้านบาททรงตัว QoQ แต่เติบโต +34% YoY โดยได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง YTD และปริมาณขายที่สูงขึ้น YoY เนื่องจากค่าขนส่งระหว่างประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทำให้ภาคการผลิตมีการหันมาใช้งานวัตถุดิบภายในประเทศมากขึ้น คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 14.8% ใกล้เคียงกับ 14.7% ใน 2Q64 แต่ลดลงจาก 16.0% ใน 3Q63 จากราคาวัตถุดิบที่มีเสถียรภาพ และไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนในปีก่อน คาดค่าใช้จ่าย SG&A ที่ 138 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 136 ล้านบาทใน 2Q64 และ 103 ล้านบาทใน 3Q63 จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น QoQ และ YoY ส่งผลให้คาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 190 ล้านบาททรงตัว QoQ แต่เติบโต +9% YoY อย่างไรก็ตาม บริษัท ฯ มีการ Hedge อัตราแลกเปลี่ยนเพื่อกระจายความเสี่ยงในการดำเนินงาน ดังนั้นเมื่อค่าเงินบาทอ่อนตัวลงจึงมีการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเราคาดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 3Q64 ที่ -124 ล้านบาท ดังนั้นเราจึงคาดกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 66 ล้านบาท ชะลอตัวลง -61% QoQ และ -59% YoY

ปรับประมาณการขึ้นจาก GPM ที่ดีอย่างต่อเนื่อง

เราปรับประมาณการปี 2564 ขึ้น 20% เป็น 677 ล้านบาท (+ 40% YoY) เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง หลังได้รับปัจจัยหนุนจากวิกฤติพลังงานในจีนที่ส่งผลให้สินค้าจากจีนมีการส่งออกน้อยลง (บริษัทฯ สามารถปรับราคาขายให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบได้ดีขึ้น) โดยคาดกำไรปกติ 4Q64 ทรงตัว QoQ แม้ระดับการบริโภคโดยรวมภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว แต่ค่าใช้จ่าย SG&A ของบริษัทฯ มักจะสูงที่สุดในช่วงไตรมาส 4 แต่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากฐานที่ต่ำในปีก่อน สำหรับปี 2565 เราปรับประมาณการขึ้น 11% เป็น 701 ล้านบาท (+4% YoY) โดยเราคาดอัตรากำไรขั้นต้นแบบอนุรักษ์นิยมที่ 13% จากแนวโน้มที่วิกฤติพลังงานในจีนจะสิ้นสุดลงในช่วง 1Q65 ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการผลิตของจีนฟื้นตัว และเริ่มส่งสินค้าประเภทฟิล์มพลาสติกออกมาขายได้อีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้มีโอกาสที่ระดับอัตรากำไรขั้นต้นของ AJ จะลดลงแบบ YoY อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลประกอบการของ AJ จะยังคงเติบโตได้จากการเพิ่มกำลังการผลิต โดยบริษัท ฯ มีกำหนดได้รับ 1) เครื่องจักร Metallizer (สำหรับผลิต Premium Products) ในช่วง 1H65 2) เครื่องจักรสำหรับผลิตฟิล์ม BOPP ในช่วง 2H65 และ 3) เครื่องจักรสำหรับผลิตฟิล์ม BOPET ในช่วง 4Q65

ยังเหลือ Upside … แต่ขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม การปรับประมาณการขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาเหมาะสมอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 23.00 บาท/หุ้น อิง PBV ที่ 2.0 เท่า มี Upside 24.3% คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการรอผลการยื่นคำร้องต่อกรมการค้าต่างประเทศให้มีการใช้มาตรการป้องกันการทุ่มตลาด (Anti-Dumping: AD) กับกลุ่มสินค้าฟิล์ม BOPP คาดจะมีความชัดเจนในช่วง 1Q65 แต่ในเชิงกลยุทธ์อาจเลือกชะลอการลงทุนไปก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ยังขาดปัจจัยเฉพาะตัวที่มีนัยสำคัญในระยะสั้น รวมถึงกำไรสุทธิ 3Q64 มีโอกาสชะลอตัวลง QoQ และ YoY จากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลกระทบจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงมากในช่วง 3Q64

- Advertisement -