บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

CENTRAL PLAZA HOTEL PLC. คาด 3Q64 เป็นจุดต่ำสุดของปี…ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2565

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +18.6%

Close Nov 03, 2021 Price (THB) 35.75

12M Target (THB) 42.40

Previous Target (THB) 38.60

What’s new?

  • คาดผลประกอบการ 3Q64 อ่อนแอลง QoQ กดดันจากกลุ่มอาหารในประเทศ แต่ฟื้นตัว YoY จากฐานต่ำโรงแรมท่ีมีการฟื้นตัวเด่น คือกลุ่มในประเทศมัลดีฟส์ แต่ยังไม่มากเพียงพอชดเชยผลกระทบธุรกิจอาหารในตลาดไทย
  • คาดแนวโน้มใน 4Q64 ฟื้นตัว QoQ จากการเปิดประเทศในช่วง High season ประกอบกับการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารท่ีคาดฟื้นตัวจากการคลาย lock down ต้ังแต่ปลาย 3Q64

Our View

  • เราปรับลดประมาณการปี 2564 จากขาดทุนปกติท่ี 1.7 พันล้านบาท เป็นขาดทุนท่ี 2.1 พันล้านบาท จากผลกระทบในตลาดไทย อย่างไรก็ดี เรายังคงประมาณการปี 2565 ท่ีกำไรปกติ 893 ล้านบาท และปี 2566 ท่ี 2.8 พันล้านบาท
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น ปี 2565 ท่ี 42.40 บาทต่อหุ้น อิง EV/EBITDA ท่ี 13x เทียบเท่ากับ +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

คาดงบ 3Q64 ลดลง QoQ กระทบจากธุรกิจอาหารในประเทศไทย

เราคาดผลประกอบการ 3Q64 ขาดทุนปกติที่ 703 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ จากขาดทุนที่ 651 ล้านบาทใน 2Q64 แต่ดีขึ้น YoY จากขาดทุนปกติที่ 785 ล้านบาทใน 3Q63 กดดันจากกลุ่มอาหารเป็นหลักสรุปสาระสำคัญดังนี้

1) ธุรกิจโรงแรมรวมใน 3Q64 คาด RevPar เฉลี่ยใน 3Q64 อยู่ที่ 560 บาท (+48% QoQ, +5% YoY) และคาด Occupancy rate เฉลี่ยคาดที่ 16% ดีขึ้นเทียบกับ 12% ใน 2Q64 แต่ลดลงเทียบกับ 20% ใน 3Q63 กลุ่มโรงแรมที่มีการฟื้นตัวเด่น คือกลุ่มโรงแรมในหมู่เกาะมัลดีฟส์ คาด Occupancy rate ของโรงแรมในมัลดีฟส์ที่ 65% ฟื้นตัวแรงจาก 25% ใน 2Q64 ขณะที่ภาพตลาดไทยยังถูกกดดันจากมาตราการ lock down ในประเทศจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลให้อัตราการเข้าพักยังทรงตัวอยู่ระดับต่ำ แต่คาดเริ่มเห็นการฟื้นตัวในกรุงเทพฯดีกว่าพื้นที่ต่างจังหวัดในช่วงท้ายไตรมาส

2) ธุรกิจอาหารคาด SSSG เฉลี่ยใน 3Q64 ที่ -28% YoY ลดลงเทียบกับ -19% YoY ใน 3Q63 กดดันหลักๆ จากรายได้จากธุรกิจอาหารในประเทศที่ลดลง หลังมีมาตราการสั่งปิดห้างสรรพสินค้า ส่งผลให้ร้านอาหารในศูนย์การค้าต้องปิดให้บริการลงชั่วคราวในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 64 ซึ่งสาขากว่า 50% ของ CENTEL อยู่ในศูนย์การค้า ขณะที่ผลประกอบการขาดทุนลดลง YoY หนุนจากการควบคุมต้นทุนที่ทำได้ดีขึ้นสำหรับธุรกิจอาหารในออสเตรเลียและจีนยังเห็นการทยอยฟื้นตัว

3) คาด GPM ใน 3Q64 ที่ 26% ลดลงเทียบกับ 28% ใน 2Q64 และ 31% ใน 3Q63 ตามการลดลงของรายได้ที่มากกว่าการลดลงของค่าใช้จ่าย

4) คาด SG & A ใน 3Q64 ที่ 1.3 พันล้านบาท (-1% QoQ, -21% YoY) ทรงตัว QoQ แต่ยังเห็นการบริหารค่าใช้จ่ายได้ดีต่อเนื่อง YoY

CENTEL จะรายงานผลประกอบการ 3Q64 และจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 11 พ.ย. 64

สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง

CENTEL มีเงินสดในมือที่ราว 2.9 พันล้านบาท นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64 บริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมวงเงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่สามารถเบิกถอนได้ราว 8.3 พันล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อลงทุนและดอกเบี้ย (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่ายตามมาตราฐาน TFRS16) อยู่ที่ราว 380 บาทต่อเดือน ประกอบกับ IBD/E ณ สิ้น 2Q64 อยู่ที่ 1.2x ดีขึ้นเทียบกับ 2.2x ในปี 2564 เรามองว่า CENTEL สิ่งบดุลที่แข็งแกร่งเพียงพอเพื่อรองรับสถานการณ์ COVID-19

ปรับลดประมาณการปี 2564 แต่คงแนวโน้มกำไรปี 2565-2566

หากรายงาน 3Q64 เป็นไปตามคาด ผลประกอบการ 9M64 จะขาดทุนรวม 1.8 พันล้านบาท เทียบกับประมาณการปี 2564 เดิมที่ขาดทุน 1.7 พันล้าบาท ขณะที่เราคาดบริษัทฯ ยังรายงานขาดทุนใน 4Q64 แต่จะลดลง QoQ ทำให้เราปรับลดประมาณการปี 2564 จากขาดทุนปกติที่ 1.7 พันล้านบาท เป็นขาดทุนที่ 2.1 พันล้านบาท จากผลกระทบทั้งกลุ่มอาหารและโรงแรมในตลาดไทยที่ลากยาวกว่าคาด จากเดิมที่คาดเริ่มเห็นการฟื้นตัวใน 3Q64 อย่างไรก็ดี เราคาดผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q64 และเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 4Q64-1Q65 ส่งผลให้เรายังคงประมาณการปี 2565 ที่กำไรปกติ 893 ล้านบาทและปี 2566 ที่ 2.8 พันล้านบาท

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 42.40 บาท

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 42.40 บาทต่อหุ้น อิง EV/EBITDA ที่ 13x เทียบเท่า +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เราคาดจะเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของ CENTEL จากผลบวกการเปิดประเทศในช่วง High season ประกอบกับการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารหลังภาครัฐประกาศคลาย lock down ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) การระบาดของสายพันธุ์ใหม่ที่อาจรุนแรงกว่าเดิม และ 2) การเปิดประเทศที่ล่าช้า

- Advertisement -