ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index แกว่งตัว Sideways ในช่วงแรกก่อนที่จะมีแรงซื้ออย่างหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์ หนุนดัชนีปิดบวกถึง 14.35 จุด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่น 1.6 พันลบ. และ 4.4 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures อีก 7.5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,620-1,633 จุด โดยรวมบรรยากาศการลงทุนยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจน โดยระยะสั้นเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตร หลังธนาคารกลางทั้ง FED และ BoE เน้นย้ำไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่กลุ่มพลังงานโดยเฉพาะต้นน้ำ คาดยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรง โดย WTI หลุด US$ 80 ต่อบาร์เรลแล้ว ขณะที่ปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักยังคงอยู่ที่ผลประกอบการ 3Q21 ของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวหลังกลับมาเปิดประเทศ ระยะสั้นยังเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ส่วนจังหวะดัชนีลงทดสอบ 1,600+ จุดมองเป็นโอกาสทยอยสะสมเพิ่ม สำหรับกลุ่ม Value และ Reopening Play โดยเฉพาะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำและ Laggard SET Index เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมี COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น อสังหาฯ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ

กลยุทธ์: เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q21 แข็งแรง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ยังลงทุนในหุ้น Value และ Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE

หุ้นเด่นวันนี้: BEM

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 9.90 บาท
  • คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q21 หลังคลาย Lockdown หมดแล้ว ล่าสุดตัวเลขผู้ใช้รถไฟฟ้าและรถบนทางด่วนเดือน ก.ย. + 60% M-M, + 32% Y-Y และคาดเร่งตัวต่อในเดือน 4Q21
  • เราคาดว่า BEM จะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ เราคาดกำไรปี 2022 +229% Y-Y และระยะยาวมี Upside จากการเป็นตัวเต็งสำหรับรถไฟฟ้าสายสีส้มและม่วงใต้
  • แนวรับ 8.85 บาทแนวต้าน 9.10-9.25 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค แต่ยังเบาบาง US$ 107 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$ 305 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$ 356 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้านำโดยไทย US$ 131 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังเบาบาง รอจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯคืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) OPEC+ ยังคงแผนเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงโดย WTI หลุดต่ำกว่า US$ 80 ต่อบาร์เรล หลังมีรายงานว่าอิหร่านจะกลับมาเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติตะวันตกปลายเดือนนี้ ซึ่งอาจทำให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง ระยะสั้นเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ แต่เรายังมองบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นจากค่าการกลั่นที่สูงยังชอบ TOP SPRC

(+) ORI คาดกำไร 3Q21 -13% Q-Q, +3% Y-Y โดยยอดโอนคาดทำได้โดดเด่น +17% Q-Q, +64% Y-Y จากคอนโดใหม่ Park Phayathai ที่สร้างเสร็จส่วนด้าน Margin ชะลอเล็กน้อย หลังรับรู้โครงการแนวราบมากขึ้น และสต๊อก Margin จาก Park24 เฟส 2 แนวโน้ม 4Q21 คาดเร่งขึ้นทำจุดสูงสุดของปี ยังคาดกำไรปี 2021 +14% Y-Y และเร่งขึ้นในปี 2022 +28% Y-Y จากคอนโดสร้างเสร็จใหม่อีก 7 แห่ง และได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV และมี Catalyst จากการนำ BRI เข้า IPO คงราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 14 บาท แนะนำ“ ซื้อ” เป็น Top Pick

(+) SMT กำไรสุทธิ 3Q21 ตามคาด +1% Q-Q, +31% Y-Y แต่ผลการดำเนินงานหลักกว่าคาดจากรายได้ที่ลด Q-Q เพราะมีปัญหา Lead Time ของวัตถุดิบยาวขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวคลี่คลายลงใน 4Q21 และยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2021-2022 Aggressive ตามเดิม +30% Y-Y และ +27% Y-Y ตามลำดับ ซึ่งทำให้กำไร 4Q21 ต้องทำจุดสูงสุดของปี ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2021-2022 +166% Y-Y และ +33% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 8 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) BH แนวโน้มกำไร 4Q21 คาดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังประกาศกำไร 3Q21 แข็งแกร่งกว่าตลาดคาด +37% Q-Q, +34% Y-Y โดยคาดเริ่มเห็นผู้ป่วยต่างชาติทยอยกลับเข้าใช้บริการ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง และ CLMV ในเดือน พ.ย. เป็นต้นไป หลังไม่ต้องกักตัว เรายังคงคาดกำไรปี 2022 +147% Y-Y แต่ปรับปี 2023 ขึ้นเป็น +72% Y-Y ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 170 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 33.35 จุดหรือ 0.09% ปิดที่ 36,124.23 จุด จากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับลง

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

(0) ตลาดเอเชีย ปรับตัวผสมจากแรงขายทำกำไร และชะลอการซื้อขายก่อนสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. ในวันนี้ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำ New High จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.05 ดอลลาร์หรือ 2.5% ปิดที่ 78.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน ธ.ค. ในการประชุมวานนี้ รวมถึงมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียอาจจะผลิตน้ำมันพุ่งขึ้นทะลุระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วันในเดือน ธ.ค.

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 29.6 ดอลลาร์หรือ 1.68% ปิดที่ 1,793.5 ดอลลาร์/ออนซ์จากการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และเฟดส่งสัญญาณว่ายังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 975.41 / -2.66

- Advertisement -