บล.เอเซีย พลัส: 

เจอหลายปัจจัยลบ แต่กระทบแค่ช่วงสั้นๆ

งวด 3Q64 กําไรสุทธิ 366 ล้านบาท ลดลง 11%YoY ตามรายได้ที่หดตัว 11%YoY จากผลกระทบของน้ําท่วมหนักในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน บวกกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทําให้กิจกรรมซ่อม/ตกแต่งบ้านน้อยลง แต่ยังคงรักษา Margin ได้ดี ด้วยการปรับราคาขายข้ึน ชดเชยต้นทุนพลังงานที่เพิ่มข้ึน พร้อมกลับมาจ่ายปันผลด้วย Payout Ratio 100% จากฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี Net Gearing ต่ำเพียง 0.28 เท่า

แผนธุรกิจไม่หยุดนิ่ง ปีหน้าเตรียมรุกตลาดกระเบื้องพอร์ซเลนเพิ่มสัดส่วนสินค้า High-end และปรับระบบ Logistic ครั้งใหญ่ที่ช่วยลดค่าขนส่งลงได้ 10% ทําให้กําไรยังเติบได้ท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุนพลังงาน แนะนํา ซื้อ ประเมินราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 3.69 บาท อิง Historical Dividend Yield 5.2%

งวด 3Q64 กําไรสุทธิ 366 ล้านบาท ลดลง 11%YoY

งวด 3Q64 กําไรสุทธิ 366 ล้านบาท ลดลง 11%YoY ตามรายได้ที่หดตัว 11%YoY เหลือเพียง 1,834 ล้านบาท จากผลกระทบของน้ําท่วมหนักในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน บวกกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทําให้กิจกรรมซ่อม/ตกแต่งบ้านมีน้อยลง แต่ยังคงรักษา Gross Margin ได้ดีอยู่ท่ี 44.2% แม้ต้นทุนก๊าซธรรมชาติจะปรับขึ้นมากกว่า 30%YoY แต่ชดเชยได้ด้วยการปรับราคาขายเฉลี่ยข้ึน 8% ส่วน SG&A/Sale เพิ่มเป็น 20.1% เทียบกับ 19.05% ในปีก่อน เนื่องจากค่าขนส่งปรับข้ึนตามราคาน้ํามันดีเซล ไตรมาสนี้ DCC จ่ายเงิน ปันผล 0.04 บาท/หุ้น คิดเป็น Payout Ratio 100% กําหนดวัน XD 19 พ.ย. 64

เปิดแผนธุรกิจที่จะช่วยสร้างกําไรปีหน้าให้เติบโตได้ท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุน

แม้แรงกดดันด้านต้นทุนพลังงานยังคงมีอยู่ แต่จุดเด่นเรื่อง Cost Control และมีเครือข่าย Outlet เป็นของตนเอง ทําให้ DCC เป็นผู้ผลิตกระเบื้องที่มี margin สูงที่สุดในอุตสาหกรรม โดยปี 2565 เตรียมรุกสินค้ากระเบื้องพอร์ซเลน โดย Modify เตาเผาทั้งหมดของโรงงาน RCI มาผลิตกระเบื้องพอร์ซเลน คาดหวังเพิ่มสัดส่วนสินค้าระดับกลาง-บน เป็น 25-30% จากปัจจุบัน 22% รวมถึงจะปรับระบบขนส่งใหม่ โดยให้รถขนส่งอิสระเข้ามาอยู่ในระบบของ DCC โดยไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งคาดหวังจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งลงได้อีก 10%

ให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่สม่ำเสมอ และรักษาการเติบโตของกําไรได้ต่อเนื่อง

DCC กลับมาจ่ายปันผลด้วย Payout Ratio 100% ได้ต่อเนื่อง หลังได้เงินจากการแปลง DCC-W1 เข้ามาในเดือน พ.ค 64 พร้อมสร้างกําไรเติบโตด้วยแผนธุรกิจท่ีไม่หยุดนิ่ง ประเมิน FV ปี 2565 อิง Historical Dividend Yield 5.2% ได้ 3.69 บาท Upside 24.7%

ประเด็นความเสี่ยง

1.การเปลี่ยนแปลงของราคาพืชผลการเกษตรโดยเฉพาะข้าว ถือเป็นปัจจัยสําคัญต่อกําลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัด ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าสําคัญของ DCC

2. ภาวะอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้น-บุผนัง ในประเทศที่ยังมีการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะสินค้านําเข้าจากประเทศจีนและอินเดีย ทําให้การปรับข้ึนราคาขายในปัจจุบันทําได้ลําบาก 

3.การเปลี่ยนแปลงของราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของต้นทุนการผลิต

- Advertisement -