บล.ฟิลลิป:
Phillip Breaking News
- กระทรวงการคลังคาดเศรษฐกิจไทยปี 67 ขยายตัว 2.7% (2.2-3.2%) เพิ่มขึ้นจาก 2.4% ในการประมาณการ ณ เดือนเม.ย.67 โดยหากพิจาณาจากรายละเอียดพบว่ามีการปรับเพิ่มการขยายตัวของ
- การบริโภคภาคเอกชน จาก 3.5% เป็น 4.5%
- การลงทุนภาครัฐ จาก 0.6% เป็น 1.0%
- มูลค่าการส่งออก จาก 2.3% เป็น 2.7%
- จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก 35.7 ล้านคน เป็น 36 ล้านบาท
- กระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขส่งออกเดือน มิ.ย. ออกมาลดลง 0.3%y-y ทำให้ตัวเลขส่งออก 6 เดือนแรกของปีออกมาขยายตัวรวม 2% โดยสินค้าส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่
- ข้าว(พลิกกลับมาขยายตัวหลังหดตัวในเดือนก่อน)
- ยางพารา(ขยายตัว 8 เดือนต่อเนื่อง)
- ไก่แปรรูป(ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน)
- ไขมัน/น้ำมันสัตว์(ขยายตัว 2 เดือนต่อเนื่อง)
- อาหารสัตว์เลี้ยง(ขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง)
- ผลไม้กระป๋อง/แปรรูป(ขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง)
- อุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์(ขยายตัว 13 เดือนต่อเนื่อง)
- อุปกรณ์และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์(ขยายตัว 3 เดือนต่อเนื่อง)
- รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์(พลิกกลับมาขยายตัวหลังหดตัวในเดือนก่อน)
- เครื่องจักรและส่วนประกอบเครื่องจักร(ขยายตัว 4 เดือนต่อเนื่อง)
- ด้านตัวเลขนำเข้าขยายตัว 0.3%y-y ทำให้ตัวเลขนำเข้า 6 เดือนแรก ขยายตัวรวม 3%y-y
- ที่มา : กระทรวงพาณิชย์, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 67)
Strategist Comment: ทางฝ่ายมองการปรับขึ้น GDP ข้างต้นเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังการปรับคาดการณ์ข้างต้นเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของเครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจไทยทั้งในด้านการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งขยายตัวได้ดีใน 1Q67 ขณะที่ด้านการส่งออกทางฝ่ายมองมีแนวโน้มเป็นอีกแรงผลักดันต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป สอดรับกับมุมมองของการะทรวงการคลัง ซึ่งเผยว่าการส่งออกมีสัญญาณขยายตัวดีกว่าที่คาดเป็นผลจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญขยายตัวได้ดีขึ้นโดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา จีน และยูโรโซน นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ประมาณเบื้องต้นว่าโครงการ Digital Wallet จะส่งผลช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว 1.2-1.8%
- ในส่วนของตัวเลขส่งออก มองสินค้าในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ไก่แปรรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาดจะได้รับประโยชน์มองระยะถัดไป การส่งออกอาจมีโอกาสเร่งตัวขึ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และ การเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจของจีน จึงอาจคาดหวังการขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีได้
Strategist pick: 1) หุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอย: CPALL, CPAXT, CRC, GLOBAL 2) หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว: AAV, BA, CENTEL, MINT 3) หุ้นที่อิงกับงบประมาณภาครัฐฯ/ภาพเศรษฐกิจ: BEM, KBANK, KTB และ 4) หุ้นในกลุ่มส่งออก: CPF, TFG, GFPT, KCE, DELTA, CCET, AAI และ ITC