Daily Focus: Selective and Earnings Play
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่าที่คาด ปิดบวกได้ถึง 12.77 จุด ที่ระดับ 1,320.86 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นลบ. หนุนโดยแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย CPALL PTTEP DELTA ADVANC เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ถ่วง ได้แก่ AOT GULF INTUCH KBANK MINT สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 339 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีกบางๆ 301ลบ. (แต่ Long Index Futures เร่งขึ้นสูงถึง 3.7 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบกรอบแนวต้าน 1,325-1,330 จุด หนุนจากทั้งกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น หลังผู้นำฮามาสถูกลอบสังหารในอิหร่าน กลุ่มโรงไฟฟ้าคาดได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ขณะที่ภาพใหญ่ได้แรงหนุนจากผลการประชุมและถ้อยแถลงของ FED ที่ออกมาในเชิง Dovish โดยระบุว่าพร้อมจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. หากข้อมูลเศรษฐกิจเป็นไปในแนวทางที่ชะลอตัวลงตามคาดโดยล่าสุดตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED จากช่วงก่อนหน้าที่ราว 60-65 bps เป็น 70 bps หรือปรับลดเกือบ 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯและ Dollar Index ปรับตัวลงค่อนข้างแรง ส่วนปัจจัยในประเทศล่าสุดสภาฯลงมติผ่านงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 วาระ 2-3 แล้ว ส่วนวันนี้เริ่มลงทะเบียน Digital Wallet สำหรับประชาชนคาดเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่ม Consumption Play ภาพรวมของตลาดในช่วงครึ่งเดือนแรกของ ส.ค.เราให้น้ำหนักกับการติดตามการทยอยประกาศกำไร 2Q24 ฝั่ง Real Sector ว่าจะ +6% q-q, +33% y-y ได้ตามคาดหรือไม่ ซึ่งหากไม่ต่ำกว่าคาด จะทำให้ประมาณการ EPS ปี 2024 ที่ 91.50 บาทจะไม่ถูกปรับลงอย่างมีนัยยะ ส่วน Highlight ยังคงอยู่การวินิจฉัยคดีการเมืองทั้งคดียุบพรคก้าวไกลวันที่ 7 ส.ค. และโดยเฉพาะคดีนายกฯเศรษฐาวันที่ 14 ส.ค. หากผลออกมาเป็นคุณในคดีนายกฯ เราเชื่อว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวก และทำให้ Upside ระยะกลาง-ยาวเปิดกว้างขึ้นจากปัจจัย Overhang ที่หายไป โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play คาดว่าจะฟื้นตัวได้แรง ส่วนระยะสั้นยังคาดหุ้นที่คาดมีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและแนวโน้มดีต่อใน 2H24 คาดว่าจะยังปรับตัวได้แกร่งกว่าตลาด
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้า ยังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ศ.ค.: BA, CHG, CPALL, ITC, MAGURO
FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU
หุ้นเด่น Finansia 1 ส.ค. 24 : CPN
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 83 บาท
- คาดกำไรปกติ 2Q24 ที่ 4.3 พันลบ. +4% q-q, +20% y-y ทำ New High ต่อเนื่องหนุนจากทุกธุรกิจโดยเฉพาะอสังหาฯที่ได้แรงหนุนจากการโอนคอนโด ส่วนรายได้ค่าเช่าห้างสรรพสินค้าปรับเพิ่มขึ้นหนุนจากโครงการใหม่ที่เปิดใน 1Q24
- ด้านฐานะการเงินแข็งแกร่ง IBD/E ต่ำเพียง 0.5 เท่าและ Interest Coverage Ratio 19 เท่า ใน 2H24 CPN มีแผนเปิดโรงแรม 1 แห่งที่ระยอง 6 โครงการอสังหาฯ และ 1 โรงแรมหรู JV Dusit Central Park ประมาณการกำไรปี 2024 ที่ 1.59 หมื่นลบ. +6% y-y ดูมี Upside ราคาหุ้นเทรด PER ต่ำเพียง 15 เท่า
- แนวรับ 54//53.25 บาท แนวต้าน 56//57//58 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องสุทธิอีก US$524 ล้าน แต่กระจุกตัวที่ไต้หวัน US$701 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ไหลเข้า US$66 ล้าน ด้านอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าหนาแน่นที่อินโดนีเซีย US$130 ล้าน ส่วนไทยไหลเข้าบางๆ US$8 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะพลิกมาไหลเข้าหลังผลการประชุมและถ้อยแถลงของ FED ออกมาโทน Dovish และเพิ่มความคาดหวังต่อตลาดในการปรับลดดอกเบี้ยปีนี้เร่งขึ้นเป็นเกือบ 3 ครั้ง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลยุทธ์ลงทุนเดือน ส.ค. ตลาดสะท้อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED อย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2024 จากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนตัว Highlight อยู่ที่คำวินิจฉัยของศาล โดยเฉพาะในคดีของนายกฯวันที่ 14 ส.ค. หากออกมาเป็นคุณคาดว่าจะเป็นบวกับดัชนี ประกอบกับกำไร 2Q24 หากไม่ต่ำกว่าคาด จะช่วยปิด Downside EPS ทั้งปี และหนุน SET ฟื้นตัว โดยยังคง SET Target ที่ 1,470 จุด คำแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะรายงานกำไร 2Q24 อยู่ในเกณฑ์ดี และมีระดับการประเมินมูลค่าที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับในช่วงก่อนโควิด หุ้นเด่นเดือน ส.ค. ของเราได้แก่ BA CHG CPALL ITC MAGURO
(0) กลุ่มไก่ ข่าวบราซิลระบุว่าโรคนิวคาสเซิลในสัตว์ปีกที่เกิดขึ้นช่วงก่อนหน้าได้สิ้นสุดลงแล้ว กำลังขออนุมัติไปที่ WHO และจะกลับมาเร่งส่งออกอีกครั้ง มองเป็นเพียง Sentiment เชิงลบ ไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานและการส่งออกของกลุ่มไก่ เพียงแต่โอกาสหรือ Upside จากการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากบราซิลได้ลดลงไป แนวโน้มกำไร 2Q-3Q24 ของไก่ส่งออก ทั้ง GFPT และ FM ยังสดใส รวมถึง CPF TFG BTG ด้วย แม้จะมีรายได้หมู แต่ก็มีรายได้ส่งออกไก่เช่นกัน
(0) AOT เราคาดกำไร 3QFY24 ที่ 4.7 พันลบ. -19% q-q, +44% y-y หนุนจากปริมาณผู้โดยสารที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนโดยเฉพาะต่างชาติที่ปรับขึ้นแตะ 90% เทียบกับ Pre-Covid รวมถึงการปรับขึ้น PSC 30 บาทต่อหัว ส่วนการยกเลิก Duty Free ขาเข้าจะกระทบกำไร FY2025 จาก Minimum Guarantee ที่ลดลง โดยเราปรับลดประมาณการกำไรลง 6% เหลือ 2.5 หมื่นลบ. แต่ยัง +31% y-y ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 65 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) MOSHI คาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 78 ลบ. -38% q-q, -6% y-y จากปัญหาการขาดแคลนสินค้าชั่วคราว แม้เปิดสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา เป็น 150 สาขา แนวโน้มกำไร 2H24 จะฟื้นตัวและดีกว่า 1H24 เพราะปัญหาการขาดแคลนสินค้าจาก Dealer ในจีนกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การเปิดสาขา Moshi เพิ่มอีก 12 แห่ง และการออกสินค้าใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเป็น High season ของธุรกิจ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 +19.5% y-y ราคาเป้าหมาย 66 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 99.46 จุด หรือ +0.24% ปิดที่ 40,842.79 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ทำสถิติปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่ง ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปและจากการที่ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้น ASML ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ชิปของเนเธอร์แลนด์ หลังมีรายงานว่าบริษัทอาจจะได้รับการยกเว้นจากกฎเกณฑ์ใหม่ของสหรัฐเกี่ยวกับการส่งออกอุปกรณ์ชิปของต่างชาติ ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการเชิงบวกของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม หลังจากการที่ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ขณะที่ มีประเด็นกดดันจาก PMI จีนเมื่อวานนี้ ที่รายงานการหดตัว m-m
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.91%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 3.18 ดอลลาร์ หรือ 4.26% ปิดที่ 77.91 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสได้ถูกกองกำลังทหารของอิสราเอลสังหารในประเทศอิหร่าน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 78.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.89%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 21.10 ดอลลาร์ หรือ 0.86% ปิดที่ 2,473.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังมีรายงานว่าผู้นำกลุ่มฮามาสได้ถูกกองกำลังทหารอิสราเอลสังหารในประเทศอิหร่าน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการประชุมของเฟด โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,495.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.93%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 846.05/ +0.34%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1 ส.ค. | สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (ก.ค.) อังกฤษ: ประชุม BoE จีน: Caixin Manufacturing PMI (ก.ค.) |
2 ส.ค. | สหรัฐ: Non-Farm Payrolls (ก.ค.), Unemployment rate (ก.ค.) |
5 ส.ค. | ไทย: เงินเฟ้อ (ก.ค.) สหรัฐ: ISM Services PMI (ก.ค.) |
6 ส.ค. | ออสเตรเลีย: ประชุม RBA สหรัฐ: ส่งออก/นำเข้า (ก.ค.) |