เมื่อข่าวร้ายกลายเป็นข่าวร้าย

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 1.2% กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเผชิญภาวะถดถอยจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แย่กว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.6% นักลงทุนกังวลกับอุปสงค์จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิตจากสถาบัน ISM ที่ระดับ 46.8 แย่กว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 48.8 ในขณะเดียวกันได้รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.49 แสนราย สูงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.36 แสนราย ส่งผลให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณของการชะลอตัว กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2,10 ปีปรับตัวลง ต่อเนื่อง และเป็นการปรับลงอย่างมีนัยยะ ในขณะที่ CME FED Watch ปรับลดน้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.25% ลงเหลือเพียง 72.5% แต่ปรับเพิ่มน้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.50% ขึ้นเป็น 27.5% จากก่อนหน้าราว 10% สำหรับตลาดหุ้น S&P500 เมื่อคืนที่ผ่านมา Sector ที่กลับมา Outperform ได้แก่สาธารณูปโภค (+1.8%) สินค้าจำเป็น (+1%) การแพทย์ (+1%)และกลุ่มให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดได้แก่ Technology (-3.3%) อย่างไรก็ตามกับตลาดหุ้นไทยคาดว่าผลกระทบจากการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมีผลจำกัดต่อตลาดหุ้นไทยเพราะว่าที่ผ่านมา SET INDEX ค่อนข้าง Underperform (YTD ปรับตัวลง 7.7%) แต่ S&P500 ปรับขึ้น 14% และ Sector ที่ Outperform ส่วนใหญ่แล้วเป็น กลุ่มที่อยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก (Value Stock)

ส่วนเมื่อวานธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน มิ.ย. พบว่าชะลอตัวลงผลจากการส่งออกที่ลดลง ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง สำหรับการส่งออกที่ลดลงเป็นเพราะผลไม้เข้าสู่ปลายฤดูกาลและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่สินค้าคงคลังอยู่ระดับสูงสอดคล้องกับผลผลิตอุตสาหกรรมและผลผลิตสินค้าเกษตรที่ลดลง ด้านการบริโภคภาคเอกชนทรงตัว แม้การใช้จ่ายสินค้าไม่คงทนจะขยายตัว (จากสินค้าอุปโภคบริโภค) แต่หดตัวต่อเนื่องในกลุ่ม AUTO อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นพร้อมกับการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัว มองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL) คืนนี้รอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯและอัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.76 แสนราย และ 4.1% ตามลำดับ ซึ่งเป็นที่น่าติดตามว่านักลงทุนจะตอบรับอย่างไรหากตัวเลขเศรษฐกิจรายงานแย่กว่าคาดการณ์ จะรับเชิงบวกเพราะมองถึงดอกเบี้ยหรือรับเชิงลบเพราะกังวลกับเศรษฐกิจ

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1315 – 1330 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังมองเป็นโอกาสสะสมมากกว่าบนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและการปรับฐานของสหรัฐฯไม่คาดว่าจะมีผลมากนักจากเหตุผลที่รายงานไปเบื้องต้น แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ขนส่ง (BEM)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 79.00 บาท)

คาดรายงานกำไรงวด 2Q24 ที่ 6 พันล้านบาท (+33%YoY, -1%QoQ) หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่เติบโต 4.2%YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +2.0% และ Lotus’s +4.1%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2H24 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวหลังผ่านจุดต่ำสุดของปีในเดือน พ.ค.

BEM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท)

ปริมาณการจราจรบนทางพิเศษในเดือนพ.ค. 2024 ยืนระดับ 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน (+0.5% YoY) หรือคิดเป็น 90% ของระดับก่อนเกิด COVID-19 ดีขึ้นกว่าช่วง 1Q24 ที่ 89% ของระดับก่อนเกิด COVID-19 แม้จะมีวันหยุดหลายวัน

- Advertisement -