KS Daily View 05.08.2024 >>> มอง SET ปรับตัวลง บนความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว ประเมิน SET ซื้อขายในกรอบ 1,280-1,310 จุด แนะนำ BH, ADVANC

Theme การลงทุนในสัปดาห์นี้: ประเมินตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ผันผวน โดยประเมินกรอบซื้อขายของดัชนีที่ 1,280-1,310 จุด ดัชนีตลาดอาจปรับตัวลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ตาม sentiment ลบจากต่างประเทศ หลังสหรัฐฯประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรต่ำคาด โดยรายงานที่ 1.14 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.76 แสนตำแหน่ง และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.79 แสนตำแหน่ง รวมถึงอัตราการว่างงานที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 4.1% ในเดือนก่อนหน้า ขึ้นมาแตะที่ระดับ 4.3% ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจชะลอตัวลงแรงและเข้าสู่ภาวะ recession ขณะที่ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ ประเด็นเรื่องการเมืองสัปดาห์นี้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันพุธที่ 7 ส.ค. 2567 ด้วยบรรยากาศการลงทุนมีปัจจัยลบกดดันทั้งจากในและต่างประเทศ เราแนะนำนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้เราแนะนำหุ้นในกลุ่ม defensive ที่ให้ปันผลสูง แนวโน้มผลประกอบการดีและมีเสถียรภาพ เช่นGULF ADVANC SCB BH PR9

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ประเมินดัชนีวันนี้ปรับตัวลงตาม sentiment ลบจากต่างประเทศ หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานอ่อนแอและต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสหรัฐฯอาจกำลังจะเข้าสู่ recession อีกทั้งยังมีปัจจัยการเมืองภายในประเทศกดดันเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันพุธที่ 7 ส.ค. 2567 นี้ เรามองดัชนี SET index วันนี้ซื้อขายในกรอบ 1,280 – 1,310 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 176,000 ตำแหน่ง และลดลงจากเดือนมิถุนายน อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% สูงสุดตั้งแต่ตุลาคม 2564 ค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.7%
  1. การแถลงข่าวการลงทะเบียนร้านค้าเข้าร่วมดิจิทัลวอลเล็ตที่เดิมกำหนดไว้วันที่ 5 ส.ค. 2567 ถูกเลื่อนออกไป 1 เดือน เพื่อให้ประชาชนลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตเสร็จก่อน เนื่องจากมีผู้สนใจลงทะเบียนมากกว่า 20 ล้านคน เพื่อป้องกันความสับสน กระทรวงพาณิชย์เตรียมการพร้อมแล้ว และจะเปิดลงทะเบียนร้านค้าตามลำดับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 จนถึงเดือน ธ.ค. 2567 ที่ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายผ่านระบบได้
  1. ธปท. ขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยยืดการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตที่ 8% ออกไปจนถึงปี 2568 และเพิ่มระยะเวลาการปิดหนี้จาก 5 ปีเป็น 7 ปี เพื่อช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือน ลูกหนี้ที่ผ่อนชำระขั้นต่ำ 8% ขึ้นไปจะได้รับเครดิตเงินคืน 0.75% สำหรับปี 2568 และสามารถปรับโครงสร้างหนี้เป็นสินเชื่อระยะยาวได้
  1. รัฐบาลฝรั่งเศสแจ้งพลเมืองฝรั่งเศสในเลบานอนให้ออกจากประเทศโดยเร็วที่สุด เนื่องจากความเสี่ยงต่อการเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ที่อาจขยายวงกว้าง โดยแนะนำให้ใช้บริการที่ยังให้บริการอยู่เพื่อเดินทางออกจากเลบานอนโดยด่วน
  1. กลุ่มฮามาสเริ่มการหารือเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่ หลังจากนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองถูกสังหารในอิหร่านเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ทางกลุ่มยืนยันว่ากำลังทำงานร่วมกับองค์กรที่ปรึกษาและจะแจ้งผลการหารือในภายหลัง อิหร่านประกาศตอบโต้โดยมีคำสั่งให้โจมตีอิสราเอลโดยตรงเพื่อแก้แค้นเหตุการณ์นี้ แม้ว่าอิสราเอลไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร
  1. กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชารายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดนกH5N1 รายใหม่ เป็นเด็กหญิงวัย 16 ปีจากจังหวัดสวายเรียง ซึ่งมีอาการหนักและกำลังได้รับการดูแล ทำให้ยอดผู้ป่วยในปีนี้รวมเป็น 9 ราย ทั้งหมดมีประวัติสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายก่อนแสดงอาการ กัมพูชามีผู้ติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ทั้งสิ้น 71 รายและเสียชีวิต 42 รายตั้งแต่ปี 2546

Daily pick

BH: ราคาพื้นฐานที่ 262.0 บาท 

ด้วยตลาดมีภาวะความผันผวนมากขึ้น เราแนะนำหุ้นที่เน้นตั้งรับและมีความเสี่ยง ความผันผวนต่ำ เช่น BH ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล ธุรกิจมีเสถียรภาพ อีกทั้งด้านผลประกอบการคาดกำไร 2Q24 ที่ 1.90 พันลบ. เติบโตขึ้นได้ 10% YoY จากรายได้ของผู้ชาวไทยและต่างชาติที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง แม้จะชะลอตัวลดลง 3% QoQ แต่เป็นการอ่อนตัวตามฤดูกาล ในขณะเดียวกันโมเมนตัวของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ มีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นจากวันเทศกาลรอมฎอนส่วนใหญ่อยู่ในเดือน มี.ค. 2024 และแนวโน้มกำไร 3Q24 จะเติบโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ที่ได้แรงหนุนจากการกลับมาผู้ป่วยตะวันออกกลางและเข้าสู่ high season

ADVANC: ราคาพื้นฐาน 248.93 บาท 

เรามอง ADVANC เป็นหุ้นความเสี่ยงต่ำ บริษัทมีความมั่งคง รายได้ผลประกอบการมีเสถียรภาพและจ่ายเงินปันผลสูง เหมาะกับสำหรับกลยุทธ์การลงทุนแบบตั้งรับกับภาวะตลาดที่มีความผันผวนขึ้นในปัจจุบัน ด้านแนวโน้มผลประกอบการ 2Q24 เราคาดจะออกมาที่ 8.27 พันลบ. +13.4% YoY จากรายได้ cellular ที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่ทำได้ดีส่งผลให้กำไรใน 1H24 คิดเป็น 55.2% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2024 โดยที่ARPU ของธุรกิจ cellular คาดมีการปรับตัวขึ้นที่ระดับ 224 บาท (+5.4% YoY, +0.3% QoQ) และ FBB ที่ระดับ 501 บาท (+20.9% YoY, +0.9% QoQ) นอกจากนี้บริษัทมีแนวโน้มที่จะให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 2024 ที่ 4.32%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการของจีน (Caixin Services PMI) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 51.5 จุดเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.2 จุด ต่อด้วยการรายงานอัตราเงินเฟื้อของไทย เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.70%YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.62% YoY และอัตราเงินเฟื้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ +0.40% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.36% YoY ปิดท้ายด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ (ISM Services PMI) ) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 51.3 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.8 จุด

วันอังคาร ติดตามดัชนียอดค้าปลีก (Retail sales) ของยุโรป เดือน มิ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.30% YoY

วันพุธ ติดตาม ตัวเลขส่งออกของจีนเดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +9.9% YoY เร่งตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +8.6% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีน เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +4.2% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่ -2.3% YoY

วันพฤหัสฯ ติดตามการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.49 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามรายงานอัตราเงินเฟื้อของจีน เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.30% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.20% YoY ต่อด้วย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI index) ของจีน สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ -0.90% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.80% YoY

- Advertisement -