CCP เดินหน้าธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทย่อย บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด เตรียมก่อสร้างลานตู้คอนเทนเนอร์เปล่า บนที่ดินกว่า 40 ไร่ รองรับความต้องการใช้บริการลานตู้คอนเทนเนอร์เปล่าในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ของผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และขยายฐานลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้น เสริมศักยภาพการเติบโต คาดก่อสร้างแล้วเสร็จ และ ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ ปลายไตรมาส 3 เป็นต้นไป
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทย่อย ที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง CCP และ WHALE LOGISTICS GROUP หนึ่งในผู้นำด้านเขตปลอดอากร (Free Zone) และ Logistic ครบวงจร ในโซนแหลมฉบัง ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารคลังสินค้า Free Zone เฟส 1 เสร็จเรียบร้อยและเริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/67 ที่ผ่านมา โดยมีสินค้าจากภาคผลิตต่างๆเข้ามาใช้บริการแล้วประมาณ 60%คาดว่าภายใน ไตรมาส 4 จะมีลูกค้ามาใช้บริการเต็มพื้นที่
ล่าสุดบริษัทเดินหน้าสร้างการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ เตรียมก่อสร้างลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์เปล่า บนที่ดินกว่า 40 ไร่ ด้วยงบลงทุน กว่า 100 ล้านบาท สามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ กว่า 300,000 ตู้ต่อปี ขยายบริการให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในโซนแหลมฉบัง จากการขยายตัวของลูกค้าในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC )
ปัจจุบันอยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยบริษัททีเอ็มเอ็ม เทรดดิ้ง จำกัด บริษัทผู้เชี่ยวชาญงานออกแบบและรับเหมาก่อสร้างครบวงจร คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ และทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ ไตรมาส 3 เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีลูกค้ารอใช้บริการแล้ว โดยท่าเรือแหลมฉบัง มีความต้องการการใช้อยู่ที่ มากว่า 10 ล้านตู้ต่อปี อีกทั้ง บริษัทมีแผนจะขยายพื้นที่ให้บริการในรูปแบบการร่วมมือกับ Partner ที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาสร้างคลังสินค้า และพื้นที่ลานจัดเก็บสินค้าช่วยสร้างการเติบโตต่อเนื่อง
“การต่อยอดให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทย่อยของบริษัท เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขัน จากแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีอัตราการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ EEC อีกทั้ง ยังคงมองหาโอกาสในการสร้างการเติบโตอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ การเปิดแพล้นคอนกรีตในโซนแหลมฉบัง ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล เชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งปีหลัง 67 จะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญของบริษัทร่วมทุน ทั้งนี้ CCP จะเริ่มรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจาก CHARLIE ได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของ CCP ในอนาคต ”นายอาทิตย์กล่าว