บล.พาย:
GFPT: GFPT PCL.
คาด 2Q24 กำไรสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี
เราแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าเหมาะสม 14.6 บาท (12XPER’24E) โดยมองว่ากำไรสุทธิในช่วง 2Q24 จะออกมาสูงถึง 522 ล้านบาท (+50%YoY, +12%QoQ) เป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ 3Q21 ได้รับผลดีจากการส่งออกที่ยังอยู่ระดับสูง โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป การรับรู้ผลดีจากราคาข้าวโพดที่ลดลงในช่วงต้นปี ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.8% และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ยังคงอยู่ในระดับมากกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มในช่วง 3Q24 ในแง่กำไรยังคงเติบโตจากปีก่อนได้จากผลดีของราคาเนื้อไก่ที่เพิ่มขึ้น ส่วนเทียบกับ 2Q24 อาจจะชะลอเล็กน้อยเพราะเริ่มได้รับผลกระทบจากราคาข้าวโพด ที่ปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว
คาด 2Q24 กำไรสุทธิ 522 ล้านบาท (+50%YoY,+12%QoQ)
- เราคาดว่า GFPT จะมีกำไรสุทธิงวด 2Q24 ที่ 522 ล้านบาท (+50%YoY,+12%QoQ) สูงสุดนับตั้งแต่ 3Q21 ที่มีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวได้รับผลดีจากการรับรู้ต้นทุนข้าวโพดที่ลดลงในช่วงต้นปี ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 13.8% รวมกับผลดีของการส่งออกไก่ที่ทำให้ผลประกอบการบริษัทร่วมเติบโตได้
- รายได้ที่ 4,832 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อนเพราะมีแรงคดดันจากราคาขายที่ถูกต่อรองจากลูกค้าโดยเฉพาะจากญี่ปุ่น แต่เพิ่มขึ้น 7%QoQ จากการส่งออกที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 ตัน (+8%QoQ) และราคาเฉลี่ยไก่ที่เพิ่มขึ้นเป็น 44 บาท/กก. จากระดับ 40
บาท/กก. ใน 1Q24 - อัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 13.8% เพิ่มขึ้นจาก 11.7% ใน 2Q23 และ 12.6% ใน 1Q24 จากผลดีของต้นทุนข้าวโพดที่ลดลงในช่วงต้นปีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดที่ 391 ล้านบาท (+5%YoY, +6%QoQ) เพราะมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น
- ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมคาดที่ 241 ล้านบาท (+105%YoY,+4%QoQ) มาจากการที่ GFN มีส่วนแบ่งกำไรเข้ามาประมาณ 100 ล้านบาท เทียบกับที่ 15 ล้านบาทใน 2Q23 ส่วน Mckeys ยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 141 ล้านบาท (+38%YoY) เป็นผลจากการส่งออกที่ดีขึ้น
- รวมในช่วง 1H24 เราคาดว่า GFPT จะมีกำไรสุทธิ 988 ล้านบาท (+53%YoY)
3Q24 ยังโตได้จากปีก่อนจากบริษัทร่วม
แนวโน้มช่วง 3Q24 เทียบกับปีก่อนคาดว่าจะยังเติบโตได้ต่อจากฐานการส่งออกที่ต่ำเพียง 6,600 ตัน โดย 3Q24 คาดว่าจะยังสูงกว่า 8,000 ตันได้) รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่คาดว่ายังสูงได้กว่า 200 ล้านบาท (3Q23 มีส่วนแบ่งเพียง 111 ล้านบาท) ขณะที่เทียบกับ 2Q24 อาจจะชะลอเล็กน้อยเพราะจะเริ่มได้รับผลกระทบจากต้นทุน ข้าวโพดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกอาจจะลดลงเพราะ 1H24 ลูกค้ากลุ่มสหภาพยุโรปสั่งไปค่อนข้างมากแล้ว
ยังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 14.6 บาท (12XPER’23E) มีปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการงวด 2Q24 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 50%YoY รวมถึงแนวโน้มในช่วง 3Q24 ที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตจากปีก่อนได้