Daily Focus: Defensive and Earnings Play 

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแรงกว่าที่คาด ปิดบวกถึง 16.54 จุด ที่ระดับ 1,290.55 จุด กลับมายืนเหนือแนวต้านหลัก 1,280-1,285 จุดได้อีกครั้ง ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 4 หมื่นลบ. ภาพรวมได้ Sentiment บวกจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศหลัง BoJ ยืนยันจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกหากตลาดการเงินยังไร้เสถียรภาพ สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 382 ลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 1.77 พันลบ. (และพลิกมา Long Index Futures สูงถึง 4.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ชะลอความร้อนแรงหลังจากฟื้นตัวแกร่งวานนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,280-1,295 จุด ภาพรวมความ Panic จากความกลัวเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเกิด Recession และการ Unwind Position Yen Carry trade เริ่มหายไป แต่ความกังวลยังคงอยู่และเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยจำกัดการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น ด้าน Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯดีดตัวขึ้นโดยล่าสุดอายุ 10 ปีขึ้นมาที่ราว 3.9% ใกล้เคียงอายุ 2 ปี ซึ่งทำให้ภาพ Inverted Yield Curve เริ่มหายไป เรามองว่าคืนนี้ตลาดจะจับตาดูตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ว่าจะเร่งขึ้นเหมือนสัปดาห์ก่อนหรือไม่ หากเร่งขึ้นจะยังสร้างความกังวลอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยุบพรรคก้าวไกล แต่ไม่ได้มีผลกับดัชนีอย่างมีนัยยะตามที่เราประเมิน และน้ำหนักจะยังอยู่ที่การวินิจฉัยคดีของนายกฯเศรษฐาวันที่ 14 ส.ค. เป็นหลัก ส่วนเงินเฟ้อเดือน ก.ค. ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย Headline +0.83% y-y Core +0.52% y-y ทำให้ประตูการลดดอกเบียจากกนง.ยังคงไม่เปิด โดยต้องติดตามตัวเลข GDP และกำไรบจ. 2Q24 ในช่วงกลางเดือน ส.ค. หากต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยยะ อาจเห็นท่าทีกนง.ที่ผ่อนคลายหรือเพิ่มโอกาสลดดอกเบี้ยในระยะถัดไปมากขึ้น ส่วนระยะสั้นคาดหุ้นในกลุ่ม Defensive และ Consumer Staple จะยังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้า ยังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ศ.ค.: BA, CHG, CPALL, ITC, MAGURO

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR TU

หุ้นเด่น Finansia 8 ส.ค. 24 : BH

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 310 บาท
  • กำไรสุทธิ 2Q24 ออกมาที่ 1.94 พันลบ. -2% q-q, +15% y-y ดีกว่าตลาดคาดเล็กน้อยราว 3% หนุนจากรายได้ที่เติบโตได้ราว 4% และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง EBITDA Margin ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแม้จะเป็น Low Season
  • กำไร 1H24 คิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปี โมเมนตัมกำไร 3Q24 คาดว่าจะเร่งขึ้นทั้ง q-q และ y-y จาก High Season ทำให้ประมาณการกำไรปี 2024 ปัจจุบันของเราที่ 7.8 พันลบ.น่าจะมี Upside ราว 5%
  • แนวรับ 252//247 บาท แนวต้าน 259//265 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนผสมผสาน สุทธิแล้วพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$335 ล้าน เม็ดเงินไหลออกนำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$213 ล้าน และ US$128 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกกระจุกที่เวียดนาม US$54 ล้าน แต่ไหลเข้าไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$21-47 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดจะยังค่อนไปในทิศทางไหลออก แม้ความ Panic Sell จะเริ่มหายไป แต่ความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเกิด Recession ที่เกิดขึ้นยังคงอยู่และต้องติดตาม ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นมาแล้วพอสมควร

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) TU กำไรปกติ 2Q24 ที่ 1.46 พันลบ. +62% q-q, +14% y-y ดีกว่าที่เราคาด 8% รายได้รวมเพิ่มทั้ง q-q และ y-y ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดีและสูงที่สุดในรอบ 12 ไตรม่าส คาดกำไร 3Q24 จะโตต่อเนื่อง q-q และ y-y จากปัจจัยด้านฤดูกาลและการฟื้นตัวของยอดขายในธุรกิจ Ambient ส่วนเงินกู้ยืม 1.1 หมื่นลบ. จาก ITC เพื่อใช้ในการดาเนินงานทั่วไปและชำระคืนหนี้ คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 17.30 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) ICHI กำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 379 ลบ. หากไม่รวมกำไรขายเครื่องจักร 26 ลบ. (หลังภาษี) จะมีกำไรปกติที่ 353 ลบ. -3% q-q, +38% y-y ถือว่าใกล้เคียงคาด แม้รายได้โตดี มาจากรายได้ในประเทศที่โตดี แต่รายได้ส่งออกลดลง เนื่องจากลูกค้า OEM รายใหญ่ไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบมะพร้าวได้ตามแผน คาดกำไรปกติ 3Q24 ทรงตัว q-q แม้คาดรายได้จะอ่อนลงตามฤดูกาล แต่ Valuation ถูก PE 15x และให้ปันผลสูงคาด Yield ทั้งปี 7% ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) GLOBAL เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อทิศทาง SSSG โดยแนวโน้มเดือน ก.ค. ติดลบมากขึ้นเป็น 6-7% เทียบกับ 2Q24 ที่ -2.3% จากภาพกำลังซื้อที่ยังฟื้นช้า ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลง 6-7% สะท้อน SSSG ที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด กับมุมมองระมัดระวังต่อยอดขายมากขึ้นจากที่ไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยคาดกำไรสุทธิปี 2024 เติบโตเหลือ 4% จาก 11% y-y และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 16 บาท แต่ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) SAFE กำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 46 ลบ. -31% q-q จากปัจจัยฤดูกาล และ -11% y-y ต่ำกว่าเราคาด 11% จากรายได้ค่าบริการและอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด แนวโน้มกำไร 3Q24 จะเติบโต q-q และ y-y จาก High Season ของลูกค้าต่างชาติ ซึ่งจากยอดการเข้าการรักษาเดือนก.ค. ที่ผ่านมา พบว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เบื่องต้นเรามีแนวโน้มปรับลดประมาณการปี 2024 ลง 11% ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ใหม่อยู่ที่ 250 ลบ. +23% y-y ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 21 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) STEC คาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 65 ลบ. +452% q-q, -57% y-y ต่ำกว่าเคยมองที่ 150-200 ลบ.สาเเหตุจากมีค่าใช้จ่ายปรับปรุงผิวจราจรรถไฟฟ้ากดดันอัตรากำไรขั้นต้น เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-2026 ลง 68%/40%/33% ตามลำดับ สะท้อนการปรับเพิ่มส่วนแบ่งขาดทุนรถไฟฟ้าเหลือง-ชมพู และ SG&A ทำให้ปี 2024 คาดกำไรหดตัวเป็น 125 ลบ. -75% y-y และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 8 บาท ยังแนะนำ “ขาย”

(+) GABLE คาดกำไรปกติจะกระโดดเพิ่ม 690% q-q และ 16% y-y เป็น 69 ลบ. ใน 2Q24 ส่วนมากจากการรับรู้รายได้ของโครงการขนาดใหญ่ มูลค่างานในมือที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 5.6 พันลบ. คิดเป็น 73% ของประมาณการรายได้ปี 2024 ของเรา ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท Valuations ถูก ด้วย 2024E P/E เพียง 9.4x นับว่าเป็นระดับที่ต่าที่สุดในกลุ่ม คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 234.21 จุด หรือ -0.60% ปิดที่ 38,763.45 จุดขณะที่ดัชนี Nasdag ดิ่งลงกว่า 1% โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นหลังจากผลการประมูลพันธบัตรบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มธนาคาร

(-) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ สอดคล้องตามทิศทางตลาดสหรัฐฯ ในวันนี้จะมีผลการประชุมนโยบายทางการเงินของอินเดีย ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 6.5%

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.36%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.77% ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและการที่ลิเบียลดการผลิตน้ำมันอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 75.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.31%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 2,432.40ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. อย่างไรก็ดี ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยฉุดตลาด ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,424.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.33%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 844.04/ -0.47%

- Advertisement -