ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index แกว่งตัว Sideways Up ดีกว่าคาดเล็กน้อยโดยปิดบวก 5.56 จุด และยืนเหนือ 1,630 จุดได้ ทำให้ดูเป็นบวกขึ้นเล็กน้อย สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นเร่งขึ้นเป็น 1.9 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องในปริมาณใกล้เคียงกันที่ 2 พันลบ. (และ Long Index Futures เล็กน้อย 2.5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,625-1,640 จุด โดยคาดกลุ่มพลังงานจะยังปรับตัวนำตลาดต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้น รวมถึงกระแสเงินทุนระยะนี้ที่อยู่ในทิศทางไหลเข้าหนุนค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุมกนง. ซึ่งคาดยังคงอัตราดอกเบี้ย 0.50% โดยประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังเปิดประเทศอีกระยะหนึ่ง ส่วนฝั่งสหรัฐฯจะประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ซึ่งต้องดูว่าจะออกมามากกว่าคาดที่ +0.6% M-M และ +5.8% Y-Y หรือไม่ และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดผันผวนอีกครั้ง ระยะสั้นยังเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง ส่วนจังหวะดัชนีอ่อนตัวลงทดสอบ 1,600 +- จุด มองเป็นโอกาสทยอยสะสมเพิ่มสำหรับกลุ่ม Value และ Reopening Play โดยเฉพาะกลุ่มที่ยัง Laggard SET Index เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมี COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น อสังหาฯ รับเหมาฯ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว

กลยุทธ์: เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q21 แข็งแรง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ยังลงทุนในหุ้น Value และ Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE

หุ้นเด่นวันนี้: FSMART

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท
  • คาดกำไร 3Q21 -20% Q-Q, -27% Y-Y จากผลของการ Lockdown และปิดแคมป์คนงานกระทบต่อกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยซึ่งเป็นลูกค้าหลัก อย่างไรก็ตาม คาดทยอยฟื้นตัวใน 4Q21 เป็นต้นไป
  • ตู้เต่าบินจะเป็น New S-Curve โดยมีแผนขยายปีละ 1 หมื่นตู้ในอีก 2 ปีข้างหน้า เราคาดกำไรปี 2021-2024 เติบโต +39% CAGR ประเมินราคาเป้าหมายจากตู้บุญเติม 4.70 บาท และตู้เต่าบิน 8.80 บาท
  • แนวรับ 11 // 10.60 บาท แนวต้าน 11.50 // 12 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคอีก US$ 808 ล้าน ยังคงนำโดยไต้หวัน US$ 838 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน โดยไหลเข้านำโดยไทย US$ 60 ล้าน แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$ 97 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าจาก Dollar Index ที่อ่อนตัวต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) KCE กำไรสุทธิ 3Q21 -2% Q-Q, +142% Y-Y ดีกว่าคาดเล็กน้อย จากฝั่งค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าคาด ส่วนด้านรายได้เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องแม้ถูกกระทบบางส่วนจาก Container Shortage แต่ได้บาทอ่อนมาชดเชย แนวโน้มกำไร 4Q21 คาดเติบโตต่อเนื่อง แต่ประมาณกำไรปี 2021 ที่คาด +120% Y-Y อาจมี Downside เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปี 2022 ยังสดใสคาดกำไรโตอีก +35% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 100 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ITEL กำไรปกติ 3Q21 +35% Q-Q, +28% Y-Y แข็งแกร่งตามคาด ซึ่งปกติกำไรครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งแรกตามปัจจัยฤดูกาล ส่วนแนวโน้ม 4Q21 คาดยังเร่งตัวและทำจุดสูงสุดของปีได้ต่อ คงประมาณการ EPS ปี 2021-2022 +10% Y-Y และ +29% Y-Y ตามลำดับ ยังคงราคาเป้าหมายที่ 6.30 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) IRPC กำไรสุทธิ 3Q21 -53% Q-Q แต่ +39% Y-Y ดีกว่าตลาดคาด 26% จาก Inventory Gain ส่วนกำไรปกติอ่อนตัวจาก Margin ของทั้งธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่ชะลอ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไร 4Q21 คาดกลับมาฟื้นตัวแข็งแกร่งจากค่าการกลั่นที่จะเร่งตัวอย่างมีนัยยะ ยังคงราคาเป้าหมายที่ 5.40 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(0) STA กำไร 4Q21 จะอ่อนลงต่อทั้ง Q-Q, Y-Y จากราคาขายถุงมือยางที่ยังปรับลงต่อราว -25% Q-Q โดยผู้บริหารเชื่อว่าใกล้เข้าสู่จุดสมดุลในเดือน ธ.ค. 21- ม.ค. 22 แต่ยังต่ำกว่าปีก่อนอย่างมีนัยยะ จึงคาดกำไรถุงมือยางจะอ่อนตัวลงในปี 2022 ส่วนธุรกิจยางธรรมชาติยังสดใสมากทั้งด้านปริมาณขายและราคา แต่ด้วยน้ำหนักของกำไรถุงมือยางที่มากกว่าจึงคาดกำไรปี 2022 -42% Y-Y จากปี 2021 ที่ +73% Y-Y ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 32 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

(+) SPALI กำไร 3Q21 Flat Q-Q, +41% Y-Y ดีกว่าตลาดคาด 10% จาก Margin และยอดโอนที่สูงกว่าคาดโดย เฉพาะจากคอนโดใหม่ 2 แห่ง แนวโน้มกำไร 4Q21 คาดยังแข็งแกร่งเร่งตัวขึ้น Q-Q คงราคาเป้าหมายที่ 28 บาท แนะนำ “ซื้อ” และเป็นหนึ่งใน Top Pick กลุ่มอสังหาฯ

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 112.24 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 36,319.98 จุด จากแรงขายทํากำไร รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐหลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับขึ้น 0.6% M-M ในเดือนต.ค. เทียบกับ +0.5% M-M ในเดือนก.ย.

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบจากการปรับลงของหุ้นกลุ่มประกันที่มีการเตือนเกี่ยวกับการขาดทุนของธุรกิจประกันภัยต่อ (reinsurance) จากผล COVID 19 รวมถึงกลุ่มธนาคารตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

(0) ตลาดเอเชีย ปรับตัวผสมกดดันจากการปรับลงของตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางติดตามจีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ในเช้านี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.78 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 84.15 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความคาดหวังเกี่ยวกับการผ่านร่างกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 2.8 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ 1,830.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 975.41 / +-

- Advertisement -