Daily Focus: ฟื้นต่อจากความกังวล US Recession ที่ลดลง

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอีก 5.70 จุด ที่ระดับ 1,296.25 จุด แข็งแกร่งกว่าที่คาดว่าจะทรงถึงย่อตัว ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงเหลือ 3.6 หมื่นลบ. ภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ แต่กลุ่มที่หนุนตลาด ได้แก่ ค้าปลีก ปิโตรฯ พลังงาน อาหาร อสังหาฯ ส่วนกลุ่มที่ถ่วง คือ ท่องเที่ยว อิเล็กทรอนิกส์ ธนาคาร สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.1 พันลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 499 ลบ. (และพลิกมา Short Index Futures 1.73 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ได้ต่อเนื่องและมีโอกาสกลับมายืนเหนือระดับ 1,300 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้นหลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯที่ชะลอตัวลงเหลือ 2.33 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ความกังวลต่อโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะ Recession ปรับตัวลดลง สอดคล้องกับที่เราประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี หรือแย่กว่าคาดจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางตลาด หนุนเม็ดเงินกลับเข้าหาสินทรัพย์เสียง รวมถึง Bond Yield อายุ 2 และ 10 ปีขยับขึ้นแตะดับราว 4% โดยสัปดาห์หน้าจะมีตัวเลขสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ PPI CPI และยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศ Highlight ยังคงอยู่ที่การวินิจฉัยคดีของนายกฯเศรษฐาวันที่ 14 ส.ค. ว่าจะออกมาเป็นคุณหรือเป็นโทษ ส่วนด้านผลประกอบการบจ.2Q24 เท่าที่ประกาศออกมาแล้ว โดยรวมยังใกล้เคียงกับที่คาด ทำให้ Downside ของ EPS ทั้งปียังจำกัด และไม่ได้มีการปรับลูงอย่างมีนัยยะ แต่ต้องติดตามช่วงโค้งสุดท้ายในการประกาศกำไรสัปดาห์หน้า ส่วนระยะสั้นภาพรวมดูผ่อนคลายขึ้น แต่ความเสี่ยงและความกังวลต่อปัจจัยต่างประเทศทั้งเศรษฐกิจสงคราม และอัตราดอกเบี้ยยังคงมีอยู่ ทำให้เรายังชอบกลุ่ม Consumer Staple จะยังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด ส่วนหุ้นเทคโนโลยีวันนี้คาดปรับตัวขึ้นเด่นตามสหรัฐฯ

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้า ยังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ศ.ค.: BA, CHG, CPALL, ITC, MAGURO

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR TU

หุ้นเด่น Finansia 9 ส.ค. 24 : CPALL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 79 บาท
  • คาดกำไรปกติ 2Q24 ที่ 5.8 พันลบ. -3.3% q-q, +30% y-y จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยคาด SSSG ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ 4% หนุนจากช่วงวันหยุดยาว และสภาพอากาศที่ร้อน และคาด SSSG ของธุรกิจค้าส่งที่ 2% ตามลำดับ ส่วนการเติบโตเด่น y-y จากยอดขายที่สูงขึ้น และ Gross margin ของ CVS ที่ดีมากขึ้น 
  • แนวโน้มกำไรปกติ 2H24 ยังเติบโต y-y แม้ใน 3Q24 อาจชะลอจากฤดูฝน แต่คาดทำจุดสูงสุดจาก High season ใน 4Q24 รวมถึงมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปี ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรของ CPAXT ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น y-y เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2024 เติบโต 30% y-y นอกจากนี้ยังมี Upside จาก Digital Wallet
  • แนวรับ 56-55.75 บาท แนวต้าน 58-58.50//60-61 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นสุทธิ US$2,136 ล้าน โดยังกระจุกตัวที่ได้หวันและเกาหลีใต้ US$1,614 ล้าน และ US$520 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกเวียดนามสูงสุด US$47 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$58 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสพลิกมาไหลเข้าหลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงงานราย สัปดาห์ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดลดความกังวลโอกาสเศรษฐกิจสหรัฐฯเกิด Recession หนุนเม็ดเงินกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) CPAXT กำไรปกติ 2Q24 อยู่ที่ 2.18 พันลบ. -12% q-q, +28% y-y ดีกว่าเราคาด 7% แต่ใกล้เคียงตลาดคาด หนุนจาก Gross Margin ของ Wholesale ที่ดีกว่าคาด ส่วนรายได้เติบโตได้จาก SSSG ที่เป็นบวกทุก Format แนวโมกำไร 3Q24 คาดเร่งขึ้นทั้ง q-q และ y-y จาก High Season ของธุรกิจ Wholesales คงราคาเป้าหมาย 36 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) TIDLOR กำไร 2Q24 ตามคาดที่ 1 พันลบ. -1% q-q แต่ +18% y-y ฉุดด้วยการเพิ่มขึ้นของ ECLs และ Credit costs แต่ด้วยคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลงมากกว่าคาด แม้ว่าภาพรวมธุรกิจใน 2H24 อาจปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่อาจปรับตั่วลงจาก 1) Credit costs ที่อาจเพิ่มขึ้น 2) ความเป็นไปได้ที่ NPL ratio จะขึ้นไปแตะกรอบนของคาดการณ์ เราได้ปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” โดยเราจะทบทวนประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายอีกครั้งหลังประชุมนักวิเคราะห์ 9 ส.ค.นี้

(+) GPSC กำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1.43 พันลบ. +65% q-q, +362% y-y ดีกว่าตลาดคาด 6% โดยได้แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า SPP ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงปรับลดลง โรงไฟฟ้า Glow SPP 2 และ IRPC- PC Phase 3 เริ่มเปิด และโรงไฟฟ้าไซยะบุรีฟื้นตัว แนวโน้มกำไร 2H24 จะดีขึ้นจาก 1H24 จากต้นทุนราคาก๊าซฯ ที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจะกลับมาเป็นกำไร คงประมาณการกำไรปี 2024 +28% y-y และราคาเป้าหมาย 59 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SNNP กำไรสุทธิ 2Q24 เท่ากับ 162 ลุบ +3% q-q, +4% y-y ใกล้เคียงคาด โดยรวมไม่ถือว่าไม่แย่ และเราเห็นปัญหาลูกหนี้การค้าที่ดูดีขึ้น กำไร 1H24 โตเพียง 3% y-y และคิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี เราคาดกำไร 3Q24 จะโตได้ทั้ง q-q, Y-Y หนุนด้วยรายได้ต่างประเทศ แม้ปีนี้เวียดนามจะไม่สดใสนัก แต่ยังคาดรายได้เวียดนามจะทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q24 ตามฤดูกาล ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ASW กำไรสุทธิ 2Q24 ทำ New High ที่ 593 ลบ. +131% q-q, +278% y-y ดีกว่าเราคาด 19% จากยอดโอนดีกว่าคาด กำไรปกติ 1H24 เท่ากับ 781 ลบ. +138% y-y คิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.1 พันลบ. (+37% y-y) ซึ่งมองว่ามี Upside ราว 20-25% แนวโน้มกำไร 3Q24 คาดเร่งขึ้นจากการโอนคอนโด 3 แห่งและเล็ก 1 แห่ง ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) MAGURO กำไรปกติที่ 18.2 ลบ. -10% q-q, -10% y-y มาจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นใกล้เคียงคาด รายได้รวมโตดี แม้ SSSG จะ -3.6% y-y แต่ถูกหักล้างได้หมดด้วยผลของสาขาใหม่ +8 สาขา อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเพราะตันทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดีต้นทุนวัตถุดิบได้เริ่มปรับลงในเดือนมิ.ย. ดังนั้นจึงคาดกำไร 3Q24 จะกลับมาโต q-q และ y-y แม้จะเป็น low season ของธุรกิจ แต่จะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 8 สาขาใน 2H24 เรามองผ่านกำไรต่ำสุดใน 2Q24 จะกลับมาฟื้นใน 3Q24 และพีคใน 4Q24

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 683.04 จุด หรือ +1.76% ปิดที่ 39,446.49 จุด ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdag ต่างก็ดีดตัวขึ้นกว่า 2% หลังสหรัฐเปิดเผยเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการชะลอตัวของตลาดแรงงาน

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยฟื้นตัวขึ้นจากการติดลบในช่วงเช้า โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐที่ดีเกินคาด และหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของเดนมาร์ก

(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก สอดคล้องตามทิศทางตลาดสหรัฐฯ หลังรายงาน US Jobless Claim ปรับตัวลดลงมากกว่าคาด ลดความกังวลประเด็น Recession ของสหรัฐฯ

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.99%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.28% ปิดที่ 76.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 75.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.34%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 30.90 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 2,463.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,460.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.10%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 846.91/ +0.34%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

9 ส.ค.จีน: เงินเฟ้อ (ก.ค.)
12 ส.ค.จีน: New Yuan Loan, ยอดขายรถยนต์ (ก.ค.)

โอเปก: OPEC Monthly report

13 ส.คสหรัฐ: เงินเฟ้อ PPI (ก.ค)
14 ส.คอังกฤษ: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

ยูโรโซน: GDP 2Q24 คาดการณ์ครั้งที่ 2

สหรัฐ: เงินเฟ้อ CPI (ก.ค)

15 ส.ค.สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค)

จีน: ยอดค้าปลีก (ก.ค)

อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

- Advertisement -