CIVIL เผยงบไตรมาส 2/67 รายได้ 1,278 ล้านบาท กำไรโต 62% โชว์อัตรากำไรขั้นต้นครึ่งปีแรก 9.3% เร่งประมูลงานภาครัฐเสริมแกร่ง Backlog ต่อเนื่อง
CIVIL เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2567 รายได้รวม 1,278 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 62% จากธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง งานโครงการใหม่ที่ทยอยรับรู้รายได้เพิ่ม และ การบริหารต้นทุนอย่างมีคุณภาพ ชูอัตรากำไรขั้นต้นช่วงครึ่งปีแรก 9.3% เดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน เร่งรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างในมือ เพิ่มโอกาสการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐเสริมแกร่ง Backlog ต่อเนื่อง
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำบริษัทก่อสร้างครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,171 ล้านบาท จำนวน 107 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% และ มีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท จำนวน 8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62%
สาเหตุที่ผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรช่วงไตรมาส 2/2567 ปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการรับรู้รายได้การจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน อีกทั้งบริษัทสามารถสร้างการเติบโตจากธุรกิจก่อสร้าง โดยสามารถทยอยรับรู้รายได้จากงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทได้กำไรจากการบริหารต้นทุนที่สามารถประหยัดได้ และ รับรู้รายได้จากค่าชดเชยด้านการก่อสร้าง (Escalation Factor หรือ ค่า K) เพิ่มขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้รวม 2,308 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,618 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท จากการจำกัดระยะเวลาในการดำเนินงานก่อสร้างของโครงการขนาดใหญ่ ตามมาตรการความปลอดภัยของภาครัฐ และโครงการบางส่วนที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการก่อสร้างที่ใช้ระยะเวลาดำเนินงานยาวนานจนกว่าจะรับรู้รายได้
ทั้งนี้ บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยช่วงครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 9.3% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 8.5% จากการบริหารค่าใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างขนาดเล็ก และรับรู้รายได้จากค่า K ในโครงการกลุ่มรถไฟ และ กลุ่มงานทาง
“สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีปัจจัยที่เฝ้าระวังด้านการลงทุนภาครัฐที่ทรงตัว จาก พ.ร.บ. งบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า ซึ่งกระทบกับมูลค่างานก่อสร้างภาครัฐโดยรวมในช่วงครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงสามารถดำเนินงานก่อสร้างพร้อมรับรู้รายได้จากโครงการในมือ (Backlog) ตามแผน จากการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงการเพิ่มโอกาสการเข้าประมูลงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จากภาครัฐ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับมูลค่า Backlog อีกทั้งบริษัทมีการเตรียมพร้อมแผนรับมือกับผลกระทบภายนอกที่อาจจะเกิดขึ้น”นายปิยะดิษฐ์ กล่าว