AH เปิดเผยผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 67 รายได้รวม 14,074 ล้านบาท กำไรสุทธิ 422 ล้านบาท อ่อนตัวน้อยกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม ชี้ผลประกอบการไตรมาส 2/67 ยอดขายโปรตุเกส–มาเลย์โต โรงงานผลิตระบบไอเสีย Purem AAPICO ถึงจุดคุ้มทุน ย้ำจุดเด่นงบการเงินบริษัทแข็งแกร่ง เดินหน้าทยอยจ่ายคืนหนี้ ลดภาระดอกเบี้ย อัตราส่วนหนี้ต่อทุนปรับลดลงต่อเนื่อง คาดว่าครึ่งปีตลาดปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย เน้นกลยุทธ์บริหารต้นทุน–รัดเข็มเข็มขัดค่าใช้จ่าย พร้อมเติบโตกว่าอุตสาหกรรมเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
นาย เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things) รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2567 ว่าบริษัทมีรายได้รวม 14,074 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 422 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยความเข้มงวดในการขออนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์และยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในครึ่งปีแรก โดยยอดขายรถยนต์ลดลงกว่า 24% และยอดการผลิตลดลงกว่าร้อยละ 17% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกปี 2566
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/67 บริษัท บริษัทมีกำไรสุทธิ 103 ล้านบาท และมีรายได้รวม 6,494 ล้านบาท ลดลง 11.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทสามารถสร้างการเติบโตของรายได้จากธุรกิจในประเทศมาเลเซียและประเทศโปรตุเกส โดยธุรกิจผลิตชิ้นส่วนในประเทศโปรตุเกสเติบโต 12.7% ในขณะที่การดำเนินธุรกิจในประเทศมาเลเซียเติบโต 26.3% จากธุรกิจร่วมทุนผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานต์ร่วมกับพันธมิตรภายใต้บริษัทอาปิโก อาร์วี จำกัด และยอดขายที่เพิ่มของธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการรถยนต์ นอกจากนี้ โรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสีย Purem AAPICO ที่ได้เริ่มมีการผลิตและส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสก่อน ได้ผ่านจุดคุ้มทุนของการดำเนินธุรกิจ และพลิกทำกำไร 15 ล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่กำไรมีการปรับตัวลดลง มาจากปริมาณออเดอร์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในประเทศไทยจากสภาพอุตสาหกรรมที่อ่อนตัวลงตามสภาพเศรษฐกิจ และผลกระทบทางบัญชีจากการลดปริมาณสินค้าคงเหลือในประเทศโปรตุเกส
“จุดแข็งของอาปิโกในสถานการณ์ปัจจุบันคือเรามีฐานะทางการเงินและสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง หลังจากที่ขายธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอินเดียไป บริษัทได้นำเงินสดส่วนหนึ่งมาทยอยลดภาระทางหนี้สิน เพื่อลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเป็นจำนวน 4.8 พันล้านบาท หรือ IBD/E ที่ระดับ 0.4 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ระดับ 0.6 จึงอยากให้นักลงทุนมั่นใจว่าบริษัทยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว และมีเงินสดเพียงพอสำหรับโอกาสการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต” นายเย็บ ซู ชวน กล่าว
สำหรับครึ่งหลังของปี 67 อาปิโกยังคงเดินหน้าทยอยจ่ายคืนหนี้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุน ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เพื่อประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงสุด ในขณะเดียวกัน บริษัทได้มีการมุ่งเน้นหาลูกค้าและออเดอร์ใหม่ในประเทศต่างๆทั่วโลก โดยปัจจุบันมีโครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใหม่จากประเทศโปรตุเกสเข้ามาเพิ่มเติม และจะเริ่มมีการรับรู้รายได้ช่วงประมาณไตรมาส 4/67 นี้