หวังการเมืองไทยเดินหน้าต่อ / 1,280-1,305

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

SET ผันผวนในกรอบกว้าง: คาด Sentiment หนุนมาจากการเผย CPI ของสหรัฐฯเดือนก.ค.67 ที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้แฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.67 โดย Headline ขยายตัว 2.9%y-y ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.64 และต่ำกว่าตลาดคาดและเดือนมิ.ย.67 ที่ 3%y-y และ Core ขยายตัว 3.2% y-y เท่ากับตลาดคาด และชะลอลงจาก 3.3% y-y ในเดือนมิ.ย.67 ขณะที่ VIX ที่ร่วงลง 10.55% ปิดที่ 16.2 จุด และอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 20 จุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2 มองเป็นอีกสัญญาณเชิงบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ด้านการมืองไทยจากการที่วานนี้ศาลรธนมีมติให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากการเป็นนายกฯ และเป็นเหตุให้ครม.พ้นจากตำแหน่ง ทางฝ่ายมองจะเป็นการสร้างความผันผวนให้แก่ SET Index หากแต่ในระยะสั้นอาจไม่ได้เป็นแรงกดดันมากนัก หลังประธานสภาฯมีคำสั่งนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษวันที่ 16 ส.ค.67 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ กอปรกับผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมหารือกัน และมีรายงานว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ ลงชิงตำแหน่ง ส่งผลให้มีความหวังว่าจะไม่เกิดสูญญากาศทางการมือง และนโยบายต่างๆของรัฐบาลจะสามารถเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะในกรณีที่นายกฯมาจากพรรคเดิม อย่างไรก็ตาม มองทางขึ้นจำกัด โดยคาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับลง 1.75% ปิดที่ $76.98 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สวนทางตลาดคาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ ขณะที่วันนี้ติดตามการเผยตัวเลขศก.สำคัญของจีนเดือนก.ค.67 ได้แก่ 1) ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม ตลาดคาดขยายตัว 5.2% y-y ชะลอลงจาก 5.3% y-y ในเดือนมิ.ย.67 2) ยอดค้าปลีก ตลาดคาดขยายตัว 2.6% y-y เร่งขึ้นจาก 2.0% y-y ในเดือนมิ.ย.67 และ 3) อัตราการว่างงาน ตลาดคาดที่ 5.1% เพิ่มขึ้นจาก 5.0% ในเดือนมิ.ย.67

กลยุทธ์การลงทุน : 1) คาดงบดีต่อหรือดีขึ้นใน 3Q67: AAI, ADVANC, CPF, ITC, MAJOR, PTT, SAPPE 2) หวังเฟดลดดอกเบี้ย/บาทแข็ง: AAV, CCET, COM7, DELTA 3) Selective: INTUCH, GULF และ 4) Dividend/REITs : FTREIT, PRM, SCB, TTB, WHART

ปัจจัยบวก

  • ก.อุตสาหกรรมสั่งสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งสกัดสินค้าคุณภาพต่ำ และสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ คาดจะเพิ่มมาตรฐานสินค้าอีก 1,400 มาตรฐาน นอกจากนี้จะมีการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน
  • บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป เผยว่าจะใช้งบประมาณลงทุน 1 หมื่นลบ. ตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่แห่งใหม่ในไทย และเป็นแห่งแรกใน ภูมิภาคอาเซียน
  • จีนเผยภาคธุรกิจมีการจัดส่งพัสดุเกินหลัก 1 แสนล้านชิ้นในปีนี้เร็วกว่าปีก่อน สะท้อนถึงความคึกคักของตลาดผู้บริโภคและศก. โดยปริมาณการจัดส่งพัสดุในปีนี้สูงเกินหลักดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เร็วกว่าปี 66 ถึง 71 วัน โดยคิดเป็นค่าเฉลี่ย 71.43 ชิ้น/คน หรือ 5,144 ชิ้น/วินาที

• Foxconn ทำผลงานได้เหนือความคาดหมาย โดยมีกำไรสุทธิ 2Q67 เพิ่มขึ้น 6% แรงหนุนจากความต้องการเซิร์ฟเวอร์ AI ที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังคงยืนยันการคาดเดิมว่ารายได้ตลอดทั้งปีจะโตอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจัยลบ

  • รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่าการลดดอกเบี้ย ไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหา เพราะน้ำหนักของปัจจัยต่างๆ ในการตัดสินใจซื้อบ้านด้วยการกู้สินเชื่อ พบว่าอัตราดอกเบี้ยคิดเป็นเพียง 11% ในน้ำหนักการตัดสินใจ
  • บริษัทต่างๆ ทั่วเขตยูโรมีการจ้างงานที่ลดลงใน 2Q67 ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอทางศก.ที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้น 0.2% ในไตรมาสที่ 2 ชะลอลงจาก 0.3% ใน 1Q67
  • การหดตัวของสินเชื่อธนาคารครั้งแรกของจีนในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ ทำให้เกิดความกลัวว่าศก.ของจีน ซึ่งเป็นประเทศอันดับ 2 ของโลกกำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอยด้านงบดุล เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่นเคยประสบมาหลายสิบปีก่อน
  • ปธ. China Baowu Steel Group Corp เตือนว่าอุตสาหกรรมเหล็กของจีนกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่รุนแรงมากกว่าภาวะชะลอตัวที่เคยเกิดขึ้นในปี 2551 และ 2558 โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่อุตสาหกรรมเหล็กจะต้องรักษาเงินสดเอาไว้ และระบุว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นเหมือนกับฤดูหนาวที่รุนแรง

PICKS OF THE DAY

GULF BUY

  • เป้าหมาย 49.00 / 50.00 แนวรับ 45.00 / 46.00
  • กำไร 2Q67 ยังโตต่อเนื่อง: กำไร 2Q67 ยังโตต่อเนื่องที่ 4,741 ล้านบาท +35%q-q โดยหลักจากกำลังการผลิตใหม่ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจากผลกำไรที่ออกมาดีต่อเนื่อง โดยรวมมองจะเป็น Sentiment บวกช่วยหนุนราคาหุ้นทั้งในระยะสั้นและช่วงในครึ่งปีหลัง
  • ครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุน: ทางฝ่ายคาดครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุน ทั้งจากกำลังการผลิตใหม่และแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะหนุนให้กลุ่มโรงไฟฟ้ากลับมาน่าสนใจมากขึ้น รวมถึงศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวจากธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และดิจิทัล

DELTA BUY

  • เป้าหมาย 105.00 / 108.00 แนวต้าน 98.00 / 100.00
  • DELTA โตตามเทรนด์ของโลก: ทิศทางธุรกิจของ DELTA ปรับตัวเข้าหาเทรนของเทคโนโลยีในอนาคตได้ดี ทั้ง AI, Data center และ EV Car ทำให้เป็นหุ้นชั้นนำด้านเทคโนโลยีของไทย และสร้างรายได้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นราคาหุ้นปรับตัวได้โดดเด่นกว่าอุตสาหกรรมและโดดเด่นกว่าตลาดฯในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา
  • ทิศทางดีไปจนถึงปีหน้า: แนวโน้มในช่วง 2H67 รายได้ยังคงทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จากรายได้กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น และ EV Car ในยุโรปที่จะมีการออกยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ในขณะปี 68 จะเป็นการเติบโตจากธุรกิจ AI เข้ามาได้เต็มปี

 

- Advertisement -