บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

Thai Oil Public Company Limited บ.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

3Q64 ธุรกิจโรงกลั่นดีขึ้น

  • 3Q64 ได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น แต่ธุรกิจอะโรเมติกส์ และ Lube Base อ่อนลงตามสเปรดท่ีลดลงทําให้ทําไรปกติเป็นเพียงทรงตัว QoQ
  • แนวโน้มกำไรปกติ 4Q64F เติบโตสูงท้ัง QoQ, YoY จากค่าการกลั่นท่ีเพิ่มข้ึนรวดเร็ว ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าธุรกิจอะโรเมติกส์และ Lube Base ที่อ่อนลง
  • แนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 69 บ. ตามทิศทางกำไรไตรมาสหน้า และ Valuation ยังถูก

ประเด็นการลงทุน

  • 3Q64: ธุรกิจโรงกลั่นดีขึ้น TOP รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 2.1 พันลบ. (-3% QoQ, +188% YoY) ต่ำกว่าตลาดคาด โดยหลักจาก Hedging Loss สูงกว่าคาดที่ -1.9 พันลบ. และหากตัดรายการพิเศษอื่นๆ ได้แก่ กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (รวม NRV) +3.6 พันลบ., ขาดทุนจาก FX -1.2 พันลบ. กำไรจากการขายเงินลงทุนและเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนใน UBE +624 ลบ. TOP จะมีกำไรปกติ (ไม่รวมผลกระทบของภาษี) 1.15 พันลบ. (ทรงตัว QoQ, เทียบกับขาดทุน -2.3 พันลบ. ใน 3Q63) โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่น ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานอ่อนลง ได้แก่ 1) โรงกลั่น: MKt. GRM $1.6/บาร์เรล (2Q64: $0.4, 3Q63: $-1.1) จากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปกับดูไบทุกชนิดปรับขึ้นจากการเป็นฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ ความต้องการน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจฟื้นตัว เที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงได้ประโยชน์จากอุปทานตึงตัวจากผลกระทบพายุไอดา ทำให้โรงกลั่นบางแห่งต้องหยุดผลิต อย่างไรก็ตาม U.rate ลดลงเป็น 92% จากไตรมาสก่อนที่ 98% จากผลกระทบ COVID-19, 2) อะโรเมติกส์: สเปรดของ BZ และ TL อ่อนลง (แต่ PX เพิ่มขึ้น QoQ) ประกอบกับ U.rate ลดลงเป็น 88% จากไตรมาสก่อนที่ 89% ทำให้ Product-to-feed Margin ลดลงเป็น $90/ตันจากไตรมาสก่อนที่ $112; และ 3) น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (Lube Base): สเปรดผลิตภัณฑ์ 500SN และยางมะตอยกับ HSFO ต่างก็ลดลง QoQ จากอุปทานในภูมิภาคเพิ่มขึ้นตามการปรับเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงมีการหยุดซ่อมบำรุงลดลง ส่งผลให้ Mkt. GIM ลดลง QoQ เป็น $1.8/บาร์เรล (2Q64: $2.4, 3Q63: $0.8) ทั้งนี้ เมื่อรวมทุกธุรกิจ TOP มี Mkt. GIM อยู่ที่ $5.5/บาร์เรล ดีขึ้นทั้ง QoQ, YoY (2Q64: $5.2, 3Q63: $1.0)
  • คาดกำไรปกติ 4Q64F เติบโตสูง TOP มองว่าภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นใน 4Q64F จะดีขึ้นตามความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ได้แรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น และน้ำมัน Jet จากการเดินทางท่องเที่ยวสูงขึ้น โดยค่าการกลั่น Singapore GRM ที่เพิ่มขึ้นเป็น $7-8/บาร์เรลก็น่าจะทำให้ค่าการกลั่นอยู่ในระดับ S6 (เทียบกับ $1.6 ใน 3Q64A) รวมถึง U.rate ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ปริมาณขายจะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม TOP ก็คาดว่าธุรกิจอะโรเมติกส์จะอ่อนลงต่อเนื่องจากโรงงาน PTA และโรงงานผลิตสารสไตรีนหลายแห่งในจีนต้องหยุดดำเนินการเพราะถูกควบคุมการใช้ไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานก็อ่อนลงจากกำลังการผลิตใหม่จากจีนและอินเดียเข้ามามากขึ้น แต่ทั้งนี้ด้วยการเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่นที่รวดเร็วกว่าการอ่อนตัวของธุรกิจอื่นๆ ทำให้เราคาดว่ากำไรปกติ 4Q64F จะเติบโตสูงทั้ง QoQ, YoY

คําแนะนํา

  • แนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 69 บ. ด้วยทิศทางกำไรไตรมาสหน้าจะเติบโตสูงทั้ง QoQ, YoY ประกอบกับ TOP ยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ทำให้เราแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 69 บ. จากการเลื่อนฐานเป็นปีหน้า และอิง P/B 1.0x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี -1.0 S.D

ปัจจัยเสี่ยง

  • ภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน ภาวะชะลอตัวชะงักงันของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลก ค่าการกลั่น ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี อะโรเมติกส์ และอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน และต่ำกว่าประมาณการ
- Advertisement -