บล.โกลเบล็ก :
3Q64 กำไรที่เติบโตดี QoQ, YoY ส่งผลดีต่อ 4Q64
งวด 3Q64 กำไรสุทธิ +11%QoQ +52%YoY
คงประมาณการกําไรปี 2564 เติบโต 9%YoY
อนาคตยังมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง
คงคําแนะนํา “ถือ” ราคาเหมาะสม 32 บาทสำหรับปี 2565
งวด 3Q64 กำไรสุทธิ +11%QoQ +52%YoY : งวด 3Q64 สิ้นสุด 30 เม.ย. 64 มีรายได้รวม 458 ล้านบาท ลดลง 7%QoQ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสองทำให้จำนวนผู้ป่วยนอกลดลงในกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้บริการทางการแพทย์กรณีไม่เร่งด่วนฉุกเฉิน และจำนวนผู้ป่วยในลดลง อย่างไรก็ดี รายได้ที่เพิ่มขึ้น 8%YoY เนื่องจากผลการดำเนินงานในช่วง 3Q63 เป็นฐานที่ต่ำจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกแรกที่มีมาตรการปิดเมือง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกหนุนจากการปรับตัวในการรับผู้ป่วยติดโควิด-19 และตรวจแลป (สัดส่วนรายได้ 12%) และการรักษาโรคที่ยากขึ้นแต่ไม่ต้องนอนพัก รวมถึงการเปิดให้บริการศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและศูนย์ตาครบวงจรที่เปิดบริการราวเดือนธ.ค. 63 ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นเป็น 24% จากระดับ 21% ใน 2Q64 และ 19% ใน 3Q63 โดยรวมแล้วกําไรสุทธิเท่ากับ 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%QoQ แต่ลดลง 13%YoY อัตรากำไรสุทธิ 12% ปรับดีขึ้นจาก 10% ใน 2Q64 และ 8% ใน 3Q63 กำไรงวด 9M64 คิดเป็น 62% ของประมาณการทั้งปี 64 ที่ 280 ล้านบาท
คงประมาณการกําไรปี 2564 เติบโต 9%YoY : แนวโน้มในช่วง 4Q64 ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่จบทำให้คาดว่ายังมีคนไข้เข้าตรวจโควิด-19 ต่อเนื่องหนุนรายได้และอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ฝ่ายวิจัยคงประมาณการรายได้จากการรักษาพยาบาล และกำไรสุทธิที่ 2,035 ล้านบาทและ 280 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 1%YoY และ 9%YoY ตามลำดับ ขณะที่ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิสำหรับปีการเงิน 2565 อยู่ที่ 2,122 และ 290 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 4%
อนาคตยังมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง : บริษัทปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในการแบ่งเฟสก่อสร้างโดยอยู่ระหว่างก่อสร้างศูนย์รังสีรักษา (Linac Center) เพื่อให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งซึ่งคาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2565 แผนก่อสร้างโรงพยาบาลไทยนครินทร์ 2 ทยอยทําทีละเฟสย่อยเพื่อลดภาระในการกู้เงินและลดความเสี่ยงทางการเงิน จึงยังไม่มีความจําเป็นในการกู้เงินเป็นจํานวนมากโดยสามารถใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานราวไตรมาสละ 200-250 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันยังไม่มีภาระหนี้สินและภาระต้นทุนทางการเงินและฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทจะใช้แผนเดียวกันนี้ต่อเนื่องในปีงบการเงิน 2565 ทั้งนี้บริษัทได้ขยับระยะเวลาเริ่มก่อสร้างโรงพยาบาลไทยนครินทร์ 2 ไปอยู่ในปีงบการเงิน 2565
คงคําแนะนํา “ถือ” ราคาเหมาะสม 32 บาทสำหรับปี 2565 : เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มธุรกิจของ TNH ที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับภาวะการณ์ปัจจุบัน ในการประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้สมมติฐาน Prospected PERที่ระดับ 20 เท่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทางสถิติย้อนหลัง 3 ปีของ TNH ฝ่ายวิจัยประมาณการกําไรต่อหุ้นสำหรับปี 2564 เท่ากับหุ้นละ 1.6 บาท คํานวณได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 32 บาท ใกล้เคียงกับราคาปิดล่าสุด พร้อมคาดการณ์ div. yield ราว 1.5% ต่อปี จึงคงคําแนะนํา “ถือ”