บล.พาย:
SAWAD: Srisawad Corporation PCL.
แนวโน้มกำไรใน 2H24 เติบโตต่อเนื่อง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 37 บาท ภายใต้เศรษฐกิจฟื้น ตัวเปาะบางทำให้ SAWAD เน้นการควบคุมคุณภาพสินเชื่อเพื่อจำกัดความเสี่ยงหนี้เสีย และการขาดทุนรถยึดที่จะไปกดดันภาระสำรองหนี้ฯ สูง อย่างไรก็ดี สินเชื่อจะขยายตัวชะลอลง และรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันชะลอตัวลงตามมา เราปรับลดคาดการณ์กำไรลง 7.7-13% ทำให้คาดว่ากำไรจะเติบโต 5.5-13.9% ในปี 2024 (2023: +11.7%) แม้จะปรับลดคาดการณ์กำไรลดลง เราคาดว่ากำไรใน 2H24 จะเติบโต 4% YoY และ 9% HoH ที่ราว 2.8 พันล้านบาท ด้านกำไรสุทธิใน 2Q24 ออกมาที่ 1.27 พันล้านบาท (+10.4% YoY, +0.3% QoQ) ขณะที่ NPL ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.3% และ Coverage ratio เพิ่มเป็น 66%
การประชุมนักวิเคราะห์
- สินเชื่อจะขยายตัวสูงขึ้นที่ 5% QoQ ต่อไตรมาสใน 3Q-4Q24 ทำให้สินเชื่อในปี 2024 เติบโตราว 10% จากสินเชื่อจำนำทะเบียนเป็นหลัก ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ผ่าน SCAP ยังชะลอตัวเพื่อควบคุมคุณภาพสินเชื่อ การเน้นควบคุมคุณภาพสินเชื่อ หากลูกค้าไม่ซื้อประกันสินเชื่อจะไม่ปล่อยสินเชื่อ และปรับลด Loan to value ลงเพื่อลดความเสี่ยง
- SAWAD ใช้วิธียึดรถของลูกค้าเพื่อควบคุม NPL ratio ไม่เกิน 3.5% (2Q24: 3.3%) และลด Stage 2 ratio เหลือ 9-10% (2Q24: 10.8%) สิ้นปี 2024 นอกจากนี้ นโยบายปรับลด Loan to value ที่ปัจจุบันเฉลียราว 40% เพื่อจำกัดการขาดทุนรถยึด โดยคาดว่าการขาดทุนจะลดลงราว 100 ล้านบาท ใน 3Q ทำให้คาดว่า credit cost ที่ 180 bps เพียงพอสำหรับใน 2H24
- ต้นทุนการเงินแนวโน้มทรงตัว และสภาพคล่องมีเพียงพอในการขยายธุรกิจ โดยมีแผนจะขายหุ้นกู้ชุดใหม่ในเดือน ธ.ค. นอกจากนี้ SAWAD มี credit line กับสถาบันการเงินอีกราว 6 พันลบ. (ไม่รวมสินเชื่อจากธนาคารออมสิน)
- กรณีคดีความเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกับลูกหนี้จำนวนหนึ่ง SAWAD ยืนยันได้ทำตามกฎหมายถูกต้อง และได้กันสำรองหนี้เต็มจำนวน 100% เรียบร้อยแล้ว
กำไรยังขยายตัวต่อเนื่อง ปรับลดประมาณการกำไร แต่
- การปรับกลยุทธ์เน้นควบคุมคุณภาพสินเชื่อกระทบการขยายสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัว เราปรับลด (1) สินเชื่อโต 11-12% (เดิม 13-14%) ในปี 2024-26 (2) ลดรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 8.2-13% จากการชะตัวของรายได้ค่าธรรมในธุรกิจประกันในปี 2024-26 และ (3) เพิ่ม credit cost 15-20 bps ในปี 2024-26
- เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิลง 7.7-13% ในปี 2024-26 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวที่ 5.5%-13.9% ในปี 2024-26
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับลดมูลค่าพื้นฐานเหลือ 37 บาท
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับมูลค่าพื้นฐานลงเหลือ 37 บาท จาก 48 บาท จากการปรับอัตราการเติบโตและความสามารถการทำกำไรลดลงคำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 16%, TG 5%) อิงจาก 1.7X PBV’24E และ 10.6× PE’24E
สรุปผลการดำเนินงานใน 2Q24
- กำไรสุทธิงวด 2Q24 ออกมาที่ 1.27 พันล้านบาท (+10.4% YoY, +0.3% QoQ) กำไรสุทธิเติบโต YoY เนื่องจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวล้อกับการขยายสินเชื่อ และ NIM เพิ่มขึ้น และ (2) สำรองหนี้ฯ ลดลง ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ เพราะแม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง แต่การเติบโตถูกลดทอนด้วยสำรองหนี้ฯ ที่เพิ่มขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง
- กำไรสุทธิใน 1H24 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% YoY เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวเป็นหลัก
- NIM ทรงตัว QoQ ที่ 15% แต่สูงขึ้นเทียบกับ 14.1% ใน 2Q23 เพราะอัตราผตอบแทนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน (CIR) ลดลง QoQ ที่ 51.3%
- สินเชื่อเติบโตชะลอตัวที่เพียง 0.1% QoQ (+12.5% YoY) จากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ลดลง ปัจจัยฤดูกลาจากที่มีวันหยุดยาว ส่งผลให้สินเชื่อใน 1H24 เติบโต 1.5 YTD
- คุณภาพสินเชื่อ NPL ratio เพิ่มขึ้น เป็น 3.3% และการตั้งสำรองหนี้ฯ เพิ่มทำให้ Coverage ratio เพิ่มขึ้น QoQ ที่ 66%