รวมพลังหลากหลายนโยบาย / 1,335-1,350

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

SET คาดขึ้นต่อ : โดยได้แรงหนุนหลักจากปัจจัยภายใน หลังอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้แสดงวิสัยทัศน์ในงาน Dinner Talk : Vision for Thailand โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ เช่น การผลักดัน Soft power ผลักดันอุตสาหกรรมเกม และ AI การสร้างไทยเป็นครัวโลก ผลักดัน Green Energy เวนคืนสัมปทานรถไฟฟ้าเพื่อสานต่อนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ผลักดันไทยเป็นฐานการผลิตEV Car สร้าง Entertainment Complex การรับซื้อหนี้จากธนาคารเพื่อลดปัญหาหนี้สิน และเสริมสภาพคล่องให้ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงโครงการเงินดิจิทัล อดีตนายกย้ำจะเดินหน้าต่อภายใต้วงเงิน 1.45 แสนล้านบาท จะเห็นความคืบหน้าในเดือนก.ย.นี้ นอกจากนี้ยังสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนผ่านการแสดงให้เห็นถึงโอกาสต่างๆของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุน และย้ำจุดยืนของพรรคที่เคยชนะการเลือกตั้งจากการสร้าง “โอกาส” ให้ประชาชน จึงมองจะสร้าง Sentiment บวกให้หุ้นในกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว ก่อสร้าง ขนส่ง อาหาร ธนาคาร นิคม โรงไฟฟ้า และการเงิน ในประเด็นเสถียรภาพทางการเมืองอดีตนายกฯได้ย้ำว่าจำนวนที่นั่งส.ส.ในมือ ค่อนข้างได้เปรียบมากอยู่แล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาล ด้านปัจจัยอื่นมองตลาดจับตาการประชุมที่ Jackson Hole โดยตลาดคาดคืนนี้จะมีการส่งสัญญาณถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุมเดือน ก.ย. ล่าสุด Fedwatch tool มองการประชุมในเดือน ก.ย. พ.ย. และ ธ.ค. จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% 0.25% และ 0.5% ตามลำดับในสัปดาห์หน้าจับตา ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐเดือน ก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นสหรัฐเดือน ส.ค. ตัวเลข GDP 2Q67 สหรัฐ PCE สหรัฐเดือนก.ค. การปรับดัชนี MSCI ในวันที่ 30 ส.ค. และ การจัดงาน Thailand Focus 2024

กลยุทธ์การลงทุน : 1) กนง.คงดอกเบี้ย: BBL, KBANK, KTB, SCB 2) Vision For Thailand : MTC, SAWAD, ROJNA, AMATA, GPSC, GULF, BGRIM 3) ค้าปลีก /ท่องเที่ยว: AOT, CPN, CPALL, CPAXT, BJC 4) Thailand Focus : BBIK, ADVANC, BCP, BH, WHA

ปัจจัยบวก

  • รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยกร่างกฎหมายปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบรายละเอียดและปรับปรุงต่อไป หากแล้วเสร็จจะนำเข้าที่ประชุม ครม.เป็นลำดับถัดไป
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเงิน 3.593 แสนล้านหยวน (5.044 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบการเงินในวันนี้ (22 ส.ค.) ผ่านข้อตกลง reverse repo ประเภทอายุ 7 วัน โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 1.7%
  • PLAYBOY ปักหมุดไทยเป็นฐานผลิตและส่งออกถุงยางอนามัยพรีเมียม โดยตั้งเป้าจะผลิตได้ปีละ 2,000 ล้านชิ้น เป็นบวกต่ออุปสงค์ยางพารา
  • รองนายกเปิดงาน “เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทยด้วย Soft Power” พร้อมย้ำจะจัดให้มี Event และมหกรรมอาหาร “Chef Show” เพื่อสร้างจุดขายให้วัตถุดิบของไทย

ปัจจัยลบ

  • TDRI ชี้ สินค้าจีนทะลักเข้าสู่ตลาดไทยจากหลายเส้นทาง ทำให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนกว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี มองหากไม่มีกฎหมายเพิ่มเติมจะส่งผลกระทบต่อการค้าภายใน
  • HCOB เผย Composite PMI เยอรมนี ในเดือน ส.ค. 67 ออกมาที่ 48.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนที่ 49.1 จุด และยังคงต่ำกว่าค่า 50 สะท้อนภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 43 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง และใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ดินถล่ม รวมถึงน้ำลันอ่างเก็บน้ำและน้ำล้นตลิ่ง ในช่วงวันที่ 24-30 ส.ค.67 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูลสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

PICKS OF THE DAY

BBIK BUY

  • เป้าหมาย 38.00 / 39.00 แนวรับ 34.00
  • แนวโน้มฟื้นตัวในครึ่งหลัง: แนวโน้ม 2Q67 มีปัจจัยหนุนจาก Backlog จำนวน 905 ลบ. และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 506 ลบ. สะท้อนถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภาครัฐและการกลับมาดำเนินโครงการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของภาคธุรกิจ โดยรวมทางฝ่ายยังมองว่าบริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจเทคโนโลยี ธุรกิจที่เกี่ยวกับ Data และ AI ที่ยังมีความต้องการในอนาคต
  • Sentiment บวกจากงาน Thailand Focus: จากที่จะมีการจัดงาน Thailand Focus 2024 ของทางตลาด วันที่ 28-30 ส.ค. 67 นี้ ซึ่ง BBIK ก็ได้เข้าร่วมเช่นกัน เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งใน บริษัทที่อยู่ในเทรนอนาคต มีโอกาสเติบโต คาดมีแนวโน้มจะได้รับ Sentiment บวก จากการได้พบปะกับผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศ

 

СРАХТ BUY

  • เป้าหมาย 31.00 / 32.00 แนวรับ 29.00
  • รับอานิสงส์จากนโยบายเงิน 10,000 บาท: คาดว่ารัฐบาลใหม่จะแจกเงินสด 10,000 บาทให้ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อร้านค้าปลีกสมัยใหม่แล้ว ร้านโชห่วย 400,000 แห่ง (95% ของจำนวนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก) ก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน ส่งผลให้ CPAXT ซึ่งทำธุรกิจขายส่งรายใหญ่ในไทยคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ CPAXT ยังเป็นเจ้าของ Lotus Go Fresh (ค้าปลีกสมัยใหม่) ที่มี 2,048 สาขาทั่วประเทศ
  • ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง: วางเป้าหมายปี 67 ขยายสาขา Makro 8 สาขาในไทย และ 2 สาขาในมาเลเซีย รวมถึงขยายสาขา Lotus ขนาดกลางและใหญ่รวม 5 สาขา สำหรับ Lotus Go Fresh ตั้งเป้าขยายเพิ่มกว่า 100 สาขา มองว่าเป็นการเพิ่มช่องทาง Supplyสินค้า รับนโยบายอัดฉีดเงินจากภาครัฐได้เป็นอย่างดี
- Advertisement -