วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,350 / 1,346 แนวต้าน 1,367 / 1,373

ตัวเลข PCE ของสหรัฐเดือน ก.ค. ออกมาใกล้เคียงคาด เสริมความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED ในเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ซึ่งเราเชื่อว่าตลาดรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปค่อยข้างมากแล้ว อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง คาดจะกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ ขณะที่การออกมาตรการกำกับดูแลของ ตลท. เพิ่มเติม 3 มาตรการ Auction, Dynamic Price Band และ Minimum Resting Time คาดจะลดสภาพคล่องของตลาดหุ้นไทยลงเพิ่มเติม

Our View? “SETI and gradual disappearance of liquidity”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,350 / 1,346 และแนวต้านที่บริเวณ 1,366 / 1,373 เมื่อคืนวัน ศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.ค.ออกมาอยู่ที่ระดับ +0.2%MoM/+2.5%YoY ขณะที่ตัวเลข Core PCE ออกมาอยู่ที่ระดับ +0.2%MoM/+2.6%YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เรามองเป็นปัจจัยเสริมความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตาม เรายังคงคาดตลาดปรับตัวรับรู้โอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ในเดือน ก.ย. ไปค่อนข้างมากแล้ว โดย CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดการณ์ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ย. ที่ระดับ 70.0%+/- อีกทั้งเราเห็นการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) ฟื้นตัวขึ้นตามที่เราคาดการณ์ไว้ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 3.90% สำหรับ 10 Years US-Bond Yield และ 101.73 สำหรับ Dollar Index ส่งผลให้จำกัด-กดดัน Upside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้เรายังคงมุมมองทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสเผชิญแรงขายทำกำไรได้ในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค.เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงแรง ปิดที่ระดับ 73.55 ดอลลาร์/บาร์เรล -2.36 ดอลลาร์ (-3.11%) คาดจะได้รับแรงกดดันจากประเด็นแนวโน้มที่กลุ่ม OPEC+ อาจปรับเพิ่มกำลังการผลิต 1.8 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน ต.ค. เพื่อทดแทนกำลังการผลิตที่หายไปของลิเบียที่ประกาศระงับการผลิตน้ำมันจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ รวมทั้ง OPEC+ ยังมีแนวโน้มจะทยอยยุติการปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 67 – ก.ย. ปี 68 คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อน ตัวลงถ่วงตลาดได้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าการจบรอบอัตราดอกเบี้ยขาลงของ FED คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความคาดหวังอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐปรับตัวขึ้นและช่วยจำกัด Downside ของราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้บ้าง

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เรายังมองไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่เราคาดว่าตลาดจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการตั้ง ครม. ชุดใหม่ได้ภายในกลางเดือน ก.ย. นี้ รวมทั้งเรายังคงมุมมองเชิงบวกภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q’67 คาดจะเห็นการฟื้นตัวกลับขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งแนวโน้มการเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ พร้อมทั้งเม็ดเงินที่จะไหลเข้าระบบเศรษฐกิจจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี’67 และ 68 เรายังมองเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยได้ในระยะถัดไป

อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ-ภาคกลางตอนบนของประเทศไทยจากฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยหากยังไม่สามารถคลี่คลายได้อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อ GDP ของไทยรวมทั้ง EPS ของตลาดหุ้นไทยได้ อย่างไรก็ตามเรามองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำลดอาทิ (HMPRO, GLOBAL, DOHOME, DCC และ DRT) รวมทั้งหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นเกี่ยวกับการ อุปโภคบริโภคและการบริจาค (CPALL และ CPAXT)

สำหรับการออกมาตรการกำกับดูแลของ ตลท. เพิ่มเติม 3 มาตรการคือ 1.) Auction เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับหุ้นที่ติด Cash Balance Lv.2 ขึ้นไป 2.) Dynamic Price Band ที่ 10%ควบคุมและลดความผันผวนของราคาซื้อขายหลักทรัพย์ในระหว่างวัน 3.) Minimum Resting Time 250 มิลิวินาทีป้องกันการใส่-ถอนคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความถี่มาก เรามองเป็นปัจจัยที่จะลดความผันผวนโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มขนาดเล็ก (Small Cap.) อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงเพิ่มเติมและคาดอาจเห็นแรงขายลดความเสี่ยงหุ้นในกลุ่ม Small Cap. ออกมาได้ก่อนในระยะแรกของการบังคับใช้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “PINGANBO”

  • ผลประกอบการ 1H’67 ของ PINGAN 2318 HK ออกมา 6.8%YoY จากธุรกิจประกันชีวิต +11.0% เราคาดจะส่งผลให้ตลาดคาดหวังการฟื้นตัวของผลประกอบการ PINGAN กลับมามีกำไรมั่นคงแบบปกติในช่วง 2H’67 ต่อไป
  • ทางเทคนิค ภาพรายวันราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่หลัง Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลงระยะกลาง ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ RSI ให้สัญญาณซื้อ
  • แนะนำ “ซื้อสะสม”
  • แนวรับ 1.62 / 1.58 Target 1.76 / 1.90 Stop <1.55

- Advertisement -