วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,350 / 1,346 แนวต้าน 1,360 / 1,366

คาดตลาดขาดปัจจัยชี้นำใหม่จากตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ปิดทำการ อีกทั้งเราคาดว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐจากการเข้าใกล้วันดีเบตใหญ่ รวมทั้งคาดตลาดจะรอติดตามการรายงานตัวเลข ISM Manufacturing อาจส่งผลให้ตลาดลดความร้อนแรงลงบ้าง

Our View? “ไร้ปัจจัยใหม่”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,350 / 1,346 และแนวต้านที่บริเวณ 1,360 / 1,366 เรามองตลาดขาดปัจจัยเข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้นได้ต่อ อีกทั้งเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน ส่งผลให้ทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงขาดปัจจัยชี้นำ อย่างไรก็ดี เรามองว่าสัปดาห์นี้ตลาดจะเริ่มระมัดระวังความผันผวนที่อาจเกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐมากขึ้นในช่วงการดีเบตระหว่างอดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ในวันที่ 10 ก.ย. นี้รวมทั้งยังต้องติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. โดย ISM (ISM Manufacturing) คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ 47.5 แม้คาดจะดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังต่ำกว่าระดับ 50.0 สะท้อนภาคการผลิตสหรัฐยังหดตัวอยู่ คาดอาจส่งผลให้ตลาดแกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบจำกัดได้ต่อ หลังในช่วงที่ผ่านมาเรามองตลาดปรับตัวรับรู้โอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ในเดือน ก.ย. ไปค่อนข้างมากแล้ว โดย CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดการณ์ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ย. ที่ระดับ 70.0%+/- อีกทั้งเราเห็นการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) พยายามฟื้นตัวขึ้น ทำให้เรายังคงมุมมองทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสเผชิญแรงขายทำกำไรได้ในระยะถัดไป

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศเรายังมองไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่เราคาดว่าตลาดจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการตั้ง ครม. ชุดใหม่ได้ภายในกลางเดือน ก.ย. นี้ ทั้งนี้เรายังคงมุมมองเชิงบวกภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q’67 คาดจะเห็นการฟื้นตัวกลับขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งแนวโน้มการเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐพร้อมทั้งเม็ดเงินที่จะไหลเข้าระบบเศรษฐกิจจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 และ 68 เรายังมองเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยได้ในระยะถัดไป

อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ-ภาคกลางตอนบนของประเทศไทยจากฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยหากยังไม่สามารถคลี่คลายได้อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อ GDP ของไทยรวมทั้ง EPS ของตลาดหุ้นไทยได้ อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำลด อาทิ (HMPRO, GLOBAL, DOHOME, DCC และ DRT) รวมทั้งหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นเกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคและการบริจาค (CPALL และ CPAXT)

สำหรับการออกมาตรการกำกับดูแลของ ตลท. เพิ่มเติม 3 มาตรการคือ 1.) Auction เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับหุ้นที่ติด Cash Balance Lv.2 ขึ้นไป 2.) Dynamic Price Band ที่ 10% ควบคุมและลดความผันผวนของราคาซื้อขายหลักทรัพย์ในระหว่างวัน 3.) Minimum Resting Time 250 มิลิวินาที ป้องกันการใส่-ถอนคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความถี่มาก เรามองเป็นปัจจัยที่จะลดความผันผวน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มขนาดเล็ก (Small Cap.) อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงเพิ่มเติมและคาดอาจเห็นแรงขายลดความเสี่ยงหุ้นในกลุ่ม Small Cap. ออกมาได้ก่อนในระยะแรกของการบังคับใช้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “MTC”

  • นักวิเคราะห์ของเราคาดกำไร 2H’67 จะฟื้นตัวได้ดีกว่า 1H’67 ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 67 ขึ้นเป็น 5,838 ลบ.(EPS 2.75) หรือ 3.32% จากประมาณการเดิมจากประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H’67 และมาตรการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคาดว่าจะช่วยให้คุณภาพสินทรัพย์ MTC ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วง 2H67
  • ทางเทคนิค ภาพรายวันราคาอ่อนตัวลงหลังขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นได้ก่อนหน้าลงเข้าใกล้แนวรับที่ EMA25, 75 และ 200 วันแล้ว ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD ยัง อ่อนตัวลง แต่ RSI และ SSTO ยังอยู่เหนือระดับ 50.0 ทำให้คาดว่าราคามีโอกาสพักฐานบริเวณดังกล่าวได้
  • แนะนำ “ย่อซื้อเล่นสั้น”
  • แนวรับ 43.00 / 42.00 Target 48.50 / 50.00 Stop <41.00

- Advertisement -