ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการในวันแรงงาน

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones และสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน อย่างไรก็ตาม ฝังยุโรปได้รายงาน PMI ภาคบริการพบว่ายังต่ำกว่าระดับ 50 เป็นส่วนใหญ่สะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่แข็งแรง ส่วนในประเทศหลังจากตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมา 7% จากจุดต่ำสุดตอบรับเชิงบวกต่อการเมืองภายในประเทศที่มีเสถียรภาพมากขึ้น จึงเริ่มขาดปัจจัยใหม่ๆ ส่งผลให้มูลค่าชื่อขายวานนี้ขยับลงมาเหลือเพียง 3.3 หมื่นล้านบาท ประกอบกับเริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิและเริม Short Tfex (วานนี้ Short 6.7 พันสัญญา) สะท้อนภาพที่ตลาดหุ้นไทยอาจเริ่มพักฐานเพื่อรอดูปัจจัยใหม่ๆ โดยรอติดตามการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ข้อมูลล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้ระบุว่าการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีในเบื้องต้นเริ่มนิ่งแล้ว และคาดว่าจะทูลเกล้าได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากมีความคืบหน้าในเรื่องนี้จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นในระยะถัดไป โดยเฉพาะความคืบหน้ากองทุนวายุภักษ์ สำหรับปัจจัยคืนนี้รอติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจากสถาบัน ISM ภาคผลิตของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 47.5 พร้อมกับการใช้จ่ายภาคก่อสร้าง Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.1%MoM หากรายงานแล้วแย่กว่าคาดการณ์จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นจากการคลายกังวลดอกเบี้ย ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนัก 69% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายนและอีก 31% ให้น้ำหนักปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50%

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1345 – 1360 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนหากเกิดการพักฐานของดัชนียังมองเป็นโอกาสสะสมเพื่อรอการฟื้นตัวช่วงถัดไป หนุนจากการเมืองที่มีความชัดเจนพร้อมกับเศรษฐกิจไทยค่อยๆขยายตัวและคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 1Q24 แนะนำกลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD) ส่งออก (ITC TU)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท)

ผลประกอบการงวด 2Q24 มีกำไรสุทธิ 1,219 ล้านบาท แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่ส่วนใหญ่เป็นผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 200 ล้านบาท กำไรปกติจะดีกว่าที่เราคาดไว้ 12% ได้รับผลดีจากกำไรขั้นต้นที่สูงถึง 18.5% ขณะที่รายได้ยังคงเติบโตได้แม้จะมีปัญหาลูกค้าขาดแคลนตู้สินค้า ด้านแนวโน้ม 2H24 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและครึ่งปีแรกจากธุรกิจอาหารแปรรูป (Ambient) และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Foods)

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท)

CPF มีกำไรสุทธิ 2Q24 สูงถึง 6,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 501% QoQ และพลิกจากที่ขาดทุน 792 ล้านบาทใน 2Q23 แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษอย่างเช่นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินทรัพย์ชีวภาพ จะมีกำไรปกติประมาณ 5,595 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุน 3,559 ล้านบาทใน 2Q23 โดยได้รับผลดีจากราคาสุกรที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้กำไรขั้นต้นสูงถึง 15.4%

- Advertisement -