KS Daily View 04.09.2024 >>> SET Outperform ภูมิภาค ตลาดสหรัฐฯ ร่วงแรง แนะนำ CPALL, BEM

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาเปิดทำการโดยปิดลบแรงทั้ง 4 ดัชนี Dow Jones -1.51%, S&P500 -2.12%, Nasdaq -3.26% และ Russell 2000 -3.09% แรงกดดันมาจากตัวเลข ISM Manufacturing ที่ออกมา 47.2 ต่ำกว่าคาดที่ 47.5 และยังคงอยู่ในโซนหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยตัวเลขนี้เคยเป็นข้อมูลตั้งต้นที่ทำให้ตลาดกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มชิปโดย Nvidia -9.53% หลังถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกหมายเรียกเพื่อสอบสวนในเรื่องการผูกขาดตลาด AI ทั้งนี้หุ้นในกลุ่ม Consumer Staples และ Real Estate เป็นกลุ่มที่สามารถยืนบวกได้

SET Index ปิดที่ 1,364.60 ปรับตัวขึ้น 0.81% Outperform ตลาดในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ทั้ง Flat และปิดลบ โดยแรงหนุนมาจากการปรับตัวขึ้นของกลุ่ม Commerce, Petrochemical, Media และ Finance สำหรับวันนี้มองปัจจัยภายในหนุนจากความหวังของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจัดตั้งครม. แต่ปัจจัยภายนอกอาจกดดันจากภาพของตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลงแรง คาดว่า SET น่าจะเคลื่อนไหว Sideway 1,350 – 1,370 แนะนำ CPALL ที่เป็นหุ้นใหญ่แต่เมื่อวานนี้ยัง Laggard กลุ่ม โดยราคากำลังทดสอบระดับ High ของปีนี้อยู่ อีกตัวชอบ BEM ที่ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องและมีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2568

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.สหรัฐฯ รายงาน ISM Manufacturing เดือนสิงหาคมที่ 47.2 ต่ำกว่าคาดที่ 47.5 โดยเป็นการอยู่ในโซนหดตัว (ต่ำกว่า 50) ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 คำสั่งซื้อใหม่และการผลิตลดลงอย่างรวดเร็ว สาเหตุมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน ทำให้บริษัทต่างๆ ชะลอการลงทุนและการจ้างงาน

2.ครม. อนุมัติงบประมาณรวมกว่า 5,300 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยในภาคเหนือ โดยแบ่งเป็นงบกลาง 2,289 ล้านบาทสำหรับกรมชลประทานในการซ่อมแซมและปรับปรุงแหล่งน้ำ รวมถึงการเตรียมแผนฉุกเฉินในอนาคต อีกส่วนหนึ่งคือ 3,017 ล้านบาทสำหรับกระทรวงคมนาคม เพื่อซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหาย โดยมุ่งเน้นให้ระบบคมนาคมกลับมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ครม. ยังได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว

3.สำนักงบประมาณยืนยันว่าโครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลตสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีในเดือนกันยายน 2567 หลังจากที่ได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะใช้เงินจากงบกลางปี 2567 ซึ่งมีวงเงิน 1.22 แสนล้านบาทที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ทำให้สามารถแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ นอกจากนี้ ยังเตรียมงบประมาณปี 2568 เพื่อใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องในอนาคต ส่วนการเปลี่ยนชื่อโครงการดิจิทัลวอลเลตจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโครงการ เนื่องจากยังคงมีวัตถุประสงค์หลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นเดิม

4.ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงแรงราว 4% ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงการที่กลุ่ม OPEC+ เตรียมเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 180,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมนี้

5.กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (Department of Justice : DOJ) ได้ออกหมายเรียก Nvidia และบริษัทอื่น ๆ ในการสอบสวนเรื่องการผูกขาดที่ทวีความรุนแรงขึ้น การสอบสวนมุ่งเน้นไปที่ตำแหน่งที่โดดเด่นของ Nvidia ในการประมวลผล AI โดยมีความกังวลว่า Nvidia อาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้ซัพพลายเออร์รายอื่นได้ยาก และอาจลงโทษลูกค้าที่ไม่ได้ใช้ชิป AI ของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบการเข้าซื้อกิจการ RunAI ของ Nvidia และพิจารณาว่าข้อตกลงนี้อาจทำให้บริษัทครองตลาดได้มากขึ้นหรือไม่ ทาง Nvidia ซึ่งมียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว ยืนยันว่าความสำเร็จของบริษัทเกิดจากคุณภาพที่เหนือกว่าของผลิตภัณฑ์ของบริษัท

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

CPALL: ราคาพื้นฐาน 79.20 บาท

ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2567 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยมีกำไรสุทธิ 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หนุนโดยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่แข็งแกร่งที่ 22.4% และการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ที่ 3.8% นอกจากนี้ แนวโน้มการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ยังคงสดใส จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเมื่อวานนี้ กลุ่ม Commerce ปรับตัว Outperform แต่ CPALL ยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามกลุ่ม ปัจจุบันราคาหุ้นกำลังทดสอบระดับ High ที่บริเวณ 61 บาท ซึ่งเป็นระดับ High ของปีนี้ เราคาดแรงหนุนน่าจะมาจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐและการฟื้นกองทุนวายุภักษ์หลังจัดตั้ง ครม. เราแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 79.20 บาท

BEM: ราคาพื้นฐาน 11.17 บาท

จากผลประกอบการที่ผ่านมา BEM มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยปริมาณการจราจรและจำนวนผู้โดยสารฟื้นตัวแข็งแกร่ง กลับมาอยู่ที่ประมาณ 93-97% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19 ล่าสุดมีปัจจัยใหม่ที่น่าสนใจเพิ่มเติม ได้แก่ การเปิดโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่อย่าง วัน แบงค็อก และดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่เชื่อมต่อกับเส้นทางของ BEM ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณผู้ใช้บริการอย่างมีนัยสำคัญ การอนุมัติด้านกฎระเบียบและข้อบังคับจากรัฐบาลชุดใหม่มีแนวโน้มจะเป็นปัจจัยบวกต่อมูลค่าหุ้น โดยเฉพาะในประเด็นอัตราค่าโดยสารและสัญญาสัมปทาน อาจมีการพิจารณาลดค่าโดยสาร ขยายเส้นทางรถไฟฟ้า และปรับปรุงระบบรถรับส่งเชื่อมต่อ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ยังมี Upside Risk อีก 1.58 บาทต่อหุ้น ที่ยังไม่ได้รวมในการประมาณการราคาเป้าหมายปัจจุบัน หากโครงการทางพิเศษ 2 ชั้น ซึ่งเป็นการสร้างทางด่วนใหม่ยกระดับเหนือทางด่วนศรีรัชเดิม ระยะทาง 17 กม. เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัด ได้รับการอนุมัติและดำเนินการ เราจึงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2568 ที่ 11.17 บาท

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน (Caixin Service PMI) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.3 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.1 จุด ต่อการรายงาน ต่อด้วยการายงานเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ในสหรัฐ (JOLTS Job openings) เดือน ก.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.18 ล้านตำแหน่งตำแหน่งและการรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงาน (Factory Orders) ในสหรัฐ เดือน ก.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -3.3% MoM
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH inflation) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.47% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.83% YoY และอัตราเงินเฟื้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ +0.56% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.52% YoY ต่อด้วยการายงานเศรษฐกิจของสหรัฐอย่าง ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ประกาศโดย Automatic Data Processing (ADP Non-Farm Employment Change) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.45 แสนตำแหน่งเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.22 แสนตำแหน่ง และ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการของสหรัฐ (ISM Service PMI) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 50.9 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.4 จุด
  • วันศุกร์ ติดตามรายงานตัวเลขเศรฐกิจของสหรัฐ ภาคจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.65 แสนตำแหน่งเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.14 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.2% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.3%
- Advertisement -