PPI ไม่อ่อนโยนกับเฟดเลย / 1415-1,430
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
SET คาดแกว่งตัวออกข้าง : มองแม้มีปัจจัยหนุนภายในช่วยผลักดัน แต่ความกังวลการเร่งตัวของเงินเฟ้อสหรัฐยังกดดัน Upside ของ SET index ปัจจัยบวกนำโดย 1) ความคืบหน้าการแถลงนโยบายของรัฐบาลหลังวานนี้ได้มีการแถลงนโยบายทั้งในระยะสั้นและยาว โดยในระยะสั้นเน้นการช่วยเหลือค่าครองชีพ เพิ่มกำลังซื้อ และแก้ไขปัญหาโครงสร้างหนี้ในระบบเศรษฐกิจ คาดเงินดิจิทัลจะเริ่มโอนให้ประชาชนได้ใน 25 ก.ย.67 นี้ เป็นบวกโดยตรงต่อหุ้นค้าปลีก การเงิน และธนาคาร ส่วนนโยบายระยะกลางและยาว เน้นสร้างความสามารถในการแข่งขัน และวางรากฐานประเทศไทยไปสู่อนาคต โดยโครงการที่น่าสนใจ คือ เศรษฐกิจสีเขียว พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ลงทุนโครงสร้าง พื้นฐานด้านการคมนาคมขนาดใหญ่ (Mega Project) และ เปลี่ยนโครงสร้างภาษีเพื่อเน้นการกระจายรายได้ มองจะหนุนหุ้นกลุ่มก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ท่องเที่ยว นิคมฯ และ ขนส่ง 2) นักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิในหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 โดยวานนี้ซื้อสุทธิไปกว่า 827.23 ล้านบาท ยังเป็นแรงหนุนให้หุ้นขนาดใหญ่ ด้านปัจจัยลบให้น้ำหนักกับ 1) ความกังวลในภาพอัตราเงินเฟ้อสหรัฐหลังวานนี้ตัวเลข PPI และ Core PPI ขยายตัวแบบ m-m กว่า 0.2% และ 0.3% สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.1% และ 0.2% ตามลำดับ ด้านภาพการขยายตัวแบบ y-y เห็นการชะลอตัวของ PPI แต่ Core PPI ยังเดินหน้าขยายตัวเทียบเดือนก่อน อาจกดดันให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า 2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเดือน ส.ค. ลดลงสู่ระดับ 56.5 จุด ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และทำ จุดต่ำสุดในรอบ 13 เดือน หลังผู้บริโภคกังวลภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า ด้านปัจจัยอื่น ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ตามคาดและปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจทุกปีไปจนถึงปี 2026 สัปดาห์หน้าจับตาการประชุมเฟด/BOE/BOJ ตัวเลขค้าปลีก (US) เดือน ส.ค. CPI เดือน ส.ค. ของ UK และ EU ตัวเลข Loan Prime Rate จีนอายุ 1 ปี และ 5 ปี
กลยุทธ์การลงทุน : 1) นโยบายภาครัฐ+วายุภักษ์ : AP, BBL, BDMS, CPALL, GULF, ICHI, LHHOTEL, TTB, CK, MTC, SAWAD, STEC, BA, AOT 2) นิคมอุตสาหกรรม: AMATA, ROJNA, WHA, WHART, WHAIR 3) บาทแข็งค่า: BGRIM, GPSC, CRC, COM7, CPW, AAV
ปัจจัยบวก
- Rho Motion เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (BEV)และรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 20% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายในจีนที่สูงเป็นประวัติการณ์
- จีนเตรียมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านที่ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลาง-ปลายเดือน ก.ย. เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้กับครอบครัวหลายล้านครัวเรือนและกระตุ้นการบริโภค
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนากลไกกำกับดูแลและระบบซื้อขายคาร์บอนเครดิต ตามแนวทางการพัฒนาศูนย์กลางซื้อขายคาร์บอนเครดิต พร้อมส่งเสริมให้ไทยเป็นผู้นำอาเซียนด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- CHAYO และ BAM ชี้หนี้เสียถูกนำออกมาขายทอดตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วิกฤติในอดีต ช่วยลดต้นทุนในการประกอบกิจการ
ปัจจัยลบ
- จีนเตรียมเปิดฉากการประชุมเชียงซาน โดยหวังเพิ่มอิทธิพลในกลุ่มประเทศโลกใต้ ท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคที่กำลังคุกรุ่นในทะเลจีนใต้และบริเวณโดยรอบไต้หวัน
- UBS เผยภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น และอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในการประชุมเดือนนี้ มองจะปรับลดเพียง 25 bps
- กรรมการของธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวว่า BOJ จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1% เป็นอย่างน้อย เพื่อหลีกความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้น
- ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียควรพิจารณาจำกัดการส่งออกยูเรเนียมไทเทเนียม และนิกเกิล เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลหะ
- อสังหาฯเชียงรายอ่วม หลังน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 70 ปี วอนนายกฯเร่ง สร้างความเชื่อมั่นกลับคืน
PICKS OF THE DAY
MTC BUY
- เป้าหมาย 51.00 / 53.00 แนวรับ 48.00
- สินเชื่อน่าจะเร่งตัวขึ้น ทำผลประกอบ การโต: ปกติสินเชื่อของ MTC ในครึ่งปีหลังจะเติบโตสูงกว่าในครึ่งปีกรแรก ทำให้คาดว่าสินเชื่อใน 3Q67 น่าจะเร่งตัวขึ้น และทำให้ผลประกอบการ 3Q67 เติบโตได้ทั้ง y-y และ q-q
- คุณภาพสินทรัพย์ดีกว่ากลุ่ม: ในขณะที่กลุ่ม FIN ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้ระดับ NPL เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ MTC ได้มีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการติดตามหนี้มาตั้งแต่ปลายปี 66 ทำให้ระดับ NPL ลดลงอย่างต่อเนื่อง 4 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว โดยสามารถลด NPL จาก 3.36% ใน 2Q66 เหลือ 2.88% ใน 2Q67 และยังน่าจะลดลงได้อีกในไตรมาสต่อ ๆ ไป
WHA BUY
- เป้าหมาย 5.80 / 6.00 แนวรับ 5.30
- ปรับเป้ายอดขายที่ดินเพิ่ม: ผู้บริหารปรับเป้ายอดขายปี 67 เพิ่มขึ้นที่ 2,500 ไร่ และคาดว่ายอดขายจะเข้ามาสูงที่สุดในปีช่วง 3Q67 ซึ่งมี big lots เป็นลูกค้ารายใหญ่ ทางฝ่ายฯคาดว่าลูกค้าจะอยู่ในกลุ่ม data center เจ้าใหญ่ของโลก และยังมี lots ที่ 2 อีกกว่า 600 ไร่ คาดว่าจะเข้ามาอีกในปีหน้า
- คาดกำไรปี 67 All time high: คาดว่าปีนี้สามารถโอนจำนวนไรได้เพิ่มมากขึ้น แต่จะมีโอนนิคม WHA-IER ที่เป็นโครงการร่วมทุน คาดปี 67 มีรายได้รวมส่วนแบ่งกำไร 1.67 หมื่นลบ. อ่อนตัว y-y เล็กน้อย จากกำไรถูกแบ่งออกไปตามสัดส่วนร่วมทุน แต่ปีนี้ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงขึ้นจากการเพิ่มราคาขายได้มากกว่าต้นทุนที่เพิ่ม เนื่องจากมีดีมานด์เข้ามาสูงจะช่วยให้ปีนี้กำไรสุทธิยังเติบโต y-y และทำ All time high