Daily Focus: Highlight อยู่ที่ผลการประชุม FED คืนนี้

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ตามคาดโดยอยู่ในช่วงทดสอบแนวต้าน 1,440 จุด แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านได้ ดัชนีปิดบวกเล็กน้อย 1.07 จุด ที่ระดับ 1,436.60 จุด มูลค่าการซื้อขายบางลงเหลือ 5.4 หมื่นลบ. โดยตลาดยังรอติดตามการประชุม FED คืนวันพุธ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 116 ลบ.และ 416 ลบ. ตามลำดับ (แต่ต่างชาติยัง Long Index Futures อีก 4.1 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways และอยู่ในช่วงทดสอบแนวต้าน 1,438-1,440 จุด โดยหากทะลุผ่านจะทำให้โมเมนตัมเป็นบวกและมีโอกาสปรับตัวเข้าหา SET Target ปีนี้ของเราที่ 1,470 จุด อย่างไรก็ตามโฟกัสสำคัญคืนนี้อยู่ที่การประชุม FED ว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ย 25 หรือ 50 bps โดยเรามองว่าอีกประเด็นสำคัญคือถ้อยแถลงและมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจว่ายังแข็งแรงเพียงพอ เพื่อให้ตลาดมั่นใจว่า FED ยังไม่ Behind the Curve เชื่อว่าจะยังเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟสแรก 14.5 ล้านคน วันที่ 25-30 ก.ย. วงเงิน 1.45 แสนลบ. ส่วนเฟส 2 รอความชัดเจนปีหน้าขณะที่ประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท บอร์ดค่าจ้างจะประชุมกันอีกครั้งวันที่ 20 ก.ย. นี้ โดยรวมเรามองว่าตลาดที่ปรับขึ้นกว่า 10% ในช่วงเดือนที่ผ่านมาตอบรับความคาดหวังจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไปพอสมควร ทำให้ระยะสั้น Upside จำกัด และมีโอกาสแกว่งออกข้างสร้างฐาน เม็ดเงินมีโอกาส Rotate เข้าหากลุ่มที่ยัง Laggard รวมถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้นเรายังคงมุมมองเชิงบวกระยะกลางยาวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยใน 4Q24-2025 ที่เป็นขาขึ้นรวมถึงเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุรักษ์ 1-1.5 แสนลบ. ที่จะเข้ามาหนุนหรือจำกัด Downside ของ SET Index ใน 4Q24

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 18 ก.ย. 24 : ICHI

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19 บาท
  • แนวโน้มกำไร 3Q24 คาดยังโตได้แข็งแกร่ง เบื้องต้นประเมินที่ 380 ลบ. +8% q-q, +16% y-y สวนทางฤดูกาล และดีกว่าโทนที่ได้รับจากประชุมนักวิเคราะห์ในช่วงก่อนหน้า หนุนจากยอดขายชาเขียวที่ยังดีหนุนอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ยังเต็มระดับ 80% ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลงทำให้ Margin ยังดี
  • Sentiment ดูดีขึ้นหลังกำไร 2H24 ที่คาดยังโตต่อ เราคาดกำไรปี 2024 ทื่ 1.35 พันลบ. +23% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ระดับ 2024PER เพียง 15 เท่า ต่ำเป็นอันดับต้นๆของกลุ่มเครื่องดื่ม และคาดให้ Dividend Yield ทั้งปีสูงราว 7% ช่วยจำกัด Downside
  • แนวรับ 16//15.50 บาท แนวต้าน 17//7.50 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคยังเบาบาง เนื่องจากยังคงมีหลายตลาดหลักปิดทำการ เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ ส่วนตลาดอาเซียนส่วนใหญ่เปิดทำการ โดยเม็ดเงินไหลเข้าเกือบทุกประเทศนำโดยอินโดนีเซีย US$44 ล้าน ขณะที่เวียดนามเริ่มพลิกมาไหลเข้า ส่วนไทยเม็ดเงินพลิกมาไหลออก US$12 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังผสมผสานทรงตัวรอ ติดตามผลการประชุม FED คืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มโรงแรม แนวโน้มกำไร 3Q24 เติบโตแข็งแกร่ง y-y จาก RevPAR ของโรงแรมในไทย ช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. 2024 มีแนวโน้มเป็นบวก เราคาด RevPAR ในช่วงดังกล่าว สำหรับ MINT AWC และ BEYOND จะเติบโตมากกว่า 10% Y-y ขณะที่ CENTEL SHR และ DUSIT คาด +4-6% y-y ส่วน RevPAR ของโรงแรมต่างประเทศ เช่น ใน Maldives (CENTEL, SHR และ DUSIT) คาดฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญราว +10-20% y-y จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันโรงแรมในยุโรปอย่าง MINT +13-15% y-y และ SHR +5-6% Y-y สำหรับโรงแรมในญี่ปุ่นอย่าง CENTEL และ ERW RevPAR จะลดลง 9-12% เพราะเป็น low season เรายังให้น้ำหนักลงทุน “Overweight” Top Pick คือ MINT และ AWC ส่วน Wildcard Pick เราชอบ SHR และ DUSIT

(+) SEAFCO บริษัทคาดหวังรับงานใหม่ช่วงปลายปี โดยให้น้ำหนักรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตกจาก CK เราคาดราว 1.5 พันลบ. ผลักดันการฟื้นตัวเด่นของรายได้และมาร์จิ้นในปี 2025 เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ลงจากเดิม 39% เป็น 44 ลบ. -74% y-y จากปรับลดรายได้สะท้อนปริมาณงานใหม่น้อยกว่าคาด แนวโน้มกำไร 2H24 อ่อนแอ หดตัว h-h, y-y จากการรับรู้งานเอกชนขนาดกลาง อย่างไรก็ดี หากได้รับงานรถไฟฟ้าสีส้มจะผลักดันให้กำไรทยอยฟื้น 1Q25 โดยคาดปี 2025 กำไรกลับมาเร่งตัว +250% y-y ที่ 152 ลบ. ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 3 บาท และเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

(0) PYLON Backlog สิ้นเดือน ส.ค. 2024 ทรงตัวไม่สูง 745 ลบ. ท่ามกลางงานในตลาดซบเซาและแข่งขันรุนแรง คาดกำไรปี 2024-79% y-y เหลือ 22 ลบ. แนวโน้ม 2H24 ฟื้น h-h จากเริ่มงาน 2 โครงการ เบื้องต้นประเมินกำไร 3Q24 ที่ 10-15 ลบ. จากขาดทุน 8 ลบ. ใน 2Q24 และกำไร 3 ลบ.ใน 3Q23 ส่วนปี 2025 คาดกำไร +125% y-y จากฐานต่ำและหวังรับงานภาครัฐมากขึ้น เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 2.40 บาท ยังแนะนำ “ถือ” รอความชัดเจนรับงานใหม่

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เรา คัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไป สำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9 DIF 3BBIF TFFIF AIMIRT CPNREIT LHHOTEL LHSC WHAIR

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 15.90 จุด หรือ -0.04% ปิดที่ 41,606.18 จุด โดยดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงปรับตัวสดใสขานรับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในสัปดาห์นี้

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยในวันนี้มีประเด็นสำคัญที่น่าจับตาคือผลการประชุมเฟด และแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 33.38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.37%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ 71.19 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่าอุปสงค์น้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นหลังมีรายงานเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine) และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 71.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.20%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 16.50 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 2,592.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ ท่ามกลางความหวังที่ว่าเฟดจะปรับลด อัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,601.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.33%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 872.23/ –

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

18 ก.ย.สหรัฐ: ประชุมเฟดวันสุดท้าย

อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

EU: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

19 ก.ย.อังกฤษ: ประชุม BoE
20 ก.ย.ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ, เงินเฟ้อ (ส.ค.)

จีน: Loan Prime rate 1Y

อังกฤษ: ค้าปลีก (ส.ค.)

23 ก.ย.ไทย: ยอดขายรถยนต์ในประเทศ (ส.ค.)
24 ก.ย.ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง RBA

ไทย: ส่งออก (ส.ค.)

- Advertisement -