บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ PDJ หนึ่งในผู้ผลิตเครื่องประดับชั้นนำของโลก ที่เชี่ยวชาญการรังสรรค์งานฝีมืออันทรงคุณค่า และมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ได้เปิดเผยผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ปี 2024 ว่า บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 831.39ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.58% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากยอดขายในฐานการผลิต คิดเป็นสัดส่วน 71% ของยอดขายโดยรวม เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในตลาดส่งออกหลักของบริษัทฯที่อยู่ในยุโรปและอเมริกาเพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดขายในกลุ่ม Omnichannel Distribution คิดเป็นสัดส่วน 29% ของยอดขายโดยรวม เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการจัดจำหน่ายของบริษัทฯในประเทศอินเดียได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยมียอดขายเติบโตขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการปรับราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นจากราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับไตรมาส 2 ปี 2024 นี้ บริษัทฯมีกำไรขั้นต้น 228.37 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรขั้นต้น 20.51% สาเหตุหลักมาจากยอดขายของบริษัทฯในฐานการผลิตที่เพิ่มขึ้นในระหว่างไตรมาส ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ โดยรวมกลุ่มบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 27.47% ทั้งนี้เป็นผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2024 ที่ 66.71 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของงวดก่อนมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 21.86 ล้านบาท
ในด้านการขับเคลื่อนกลยุทธ์ฐานการผลิต ช่วงครึ่งปีหลัง คุณชนัตถ์ สรไกรกิติกูล รองประธานกรรมการบริหารกลุ่ม บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่ เผยว่า บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าในเชิงกลยุทธ์อย่างแข็งแกร่ง โดยมีราคาที่แข่งขันได้ และการพัฒนากระบวนการทำงานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น สู่การเติบโตต่อไปในอนาคต รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนคำสั่งซื้อ และปรับสมดุลการใช้กำลังการผลิตตลอดปี อีกทั้ง การสร้างวัฒนธรรมองค์กร พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง หรือ Transformation เพื่อการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับสถานการณ์ทางธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโต คาดการณ์ว่า 9 เดือนแรกของปี2024 กลุ่มธุรกิจการผลิตจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 14% ถ้าไม่รวมรายได้จากการขายวัตถุดิบ จะเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ในด้านกลุ่มธุรกิจ Omnichannel Distribution นั้น บริษัทฯได้ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ ปี 2024 ดังนี้
- PRIMA Thailand เน้นการขยายฐานลูกค้า สู่กลุ่ม Young Generation ที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น โดยใช้กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มดังกล่าว รวมถึงการรักษากลุ่มลูกค้าปัจจุบัน โดยเฉพาะ Prestige และPremier ผ่านแคมเปญพิเศษ อีกทั้งการขยายตลาดออนไลน์ที่เติบโตมากขึ้น และการดำเนินการปรับโฉมร้านค้ารูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกสาขา เพื่อมอบบรรยากาศใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น PRIMA
- PRIMA Vietnam ปรับโฉมร้าน PRIMA รูปแบบใหม่ ตามPRIMA Thailand (Main Market) รวมถึงการเพิ่มโอกาสทางการตลาดในกลุ่มลูกค้าองค์กร
- PRIMA India จัดจำหน่ายสินค้า PRIMA ART โดยมุ่งเน้นขายผ่าน Key Account / Chain Store รายใหญ่ และกลุ่ม Active TRJs (Trusted Retail Jewelers) ที่มีธุรกรรมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่ม Active TRJs เติบโตสูง เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ตลอดจนมีการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ Spiritual Collection เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
- GEMONDO UK ปรับ Website เพื่อเพิ่ม Traffic และ Conversion Rate เพิ่มขึ้น รวมถึงมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการขายสินค้าและจัดแคมเปญการตลาดให้เหมาะสมกับแต่ละช่องทางการตลาด เน้น Marketplace ที่มีศักยภาพและเติบโตสูง อาทิ Wolf & Badger และการขายผ่านช่องทางเว็บไซต์ GEMONDO
จากแผนกลยุทธ์ในกลุ่ม Omnichannel Distribution คาดการณ์ว่า 9 เดือนแรกของปี2024 จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็ยังต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 10% ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้าในตลาดประเทศไทย