คาด SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,435 +/- 10 จุด และ ระวังแรงขายก่อนตลาดปิด

ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน ดัชนีหลักทั้ง 3 ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง (0.03-0.2%) หลังตลาดจับตาผลการประชุมเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดวันนี้ และรายงานยอดขายปลีกเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นที่ระดับ 0.1% mom สูงกว่าตลาดคาดที่ -0.2% รวมถึงดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 0.8% mom สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.2% จะสนับสนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลง หรือ 25bps จับตาสุนทรพจน์ และ การตอบคำถาม ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมกัน 2.55% นับตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นปี 2025

SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,435 +/- 10 จุด และ ระวังแรงขายก่อนตลาดปิด

สำหรับปัจจัยในประเทศ การประชุมครม. นัดแรกเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) มีมติสำคัญ อาทิ เห็นชอบอนุมัติ
1) งบกลาง 5.9 พันล้านบาทสำหรับโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่
2) งบกลาง 3 พันล้านบาทช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และ
3) งบประมาณโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2024) วงเงิน 1.45 แสนล้านบาท
  • ด้านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งมีเป้าหมายสร้างรายได้ภาคการท่องเที่ยวปี 2024 ที่ 3.5 ล้านล้านบาท อย่างการนำโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กลับมาอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมถึงสร้างความต่อเนื่องของการเดินทางและการใช้จ่ายมากขึ้น
  • เราเชื่อว่าธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและมีรายได้ที่สำคัญจากในประเทศอย่าง ERW และ CENTEL จะได้รับประโยชน์หากโครงการนี้ถูกนำกลับมาดำเนินการ
  • นอกจากนี้ CEO ของ BBL ระบุว่าจะไม่กล่าวถึงการยื่นขอใบอนุญาต Virtual banking จนกว่าจะถึงวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นใบสมัคร
  • เราเชื่อว่า BBL และกลุ่ม BTS นั้นไม่ใช่ผู้เล่นรายใหญ่เมื่อเทียบกับกลุ่ม AIS-GULF-KTB, SCB-Kakao หรือ Ascend Money ของกลุ่ม CP

หุ้นแนะนำ

  • CENTEL : เราเชื่อว่าธุรกิจที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศของ CENTEL จะได้รับประโยชน์จากแนวคิดการนำโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวนี้ รัฐบาลจะช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรมที่พัก และค่าบัตรโดยสาร เป็นต้น (Take profit : 41.25 / Stop loss : 38.00)
  • STEC : เราเชื่อว่าการที่ศาลปกครองพิพากษายกฟ้องคดี STEC เรียกค่าเสียหายจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ กรณีส่งมอบพื้นที่รัฐสภาใหม่ล่าช้า เนื่องจากต่างฝ่ายต่างรับรู้และตระหนักถึงปัญหาการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างล่าช้า จะเป็นผลดีต่อการเข้าลงทุนใน STEC ช่วงนี้ (Take profit : 10.40 / Stop loss : 9.70)

Daily Global Market 

In News:
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี Dow Jones ปิดลบ 15.90 จุด แม้จะมีรายงานยอดขายปลีกที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ ซึ่งช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงก่อนการประชุมกำหนดนโยบายครั้งล่าสุดของ FED
  • ยอดค้าปลีกสหรัฐประจำเดือนสิงหาคมปรับตัวขึ้น 0.1% MoM หลังพุ่งขึ้น 1.1% และเพิ่มขึ้น 2.13% YoY หลังบวก 2.86% หากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% เดือนก่อนหน้า
  • FED เผย การผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยรวมของสหรัฐประจำเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.8% MoM หลังจากร่วงลง 0.9% เดือนก่อนหน้า และปรับขึ้น 0.04% YoY
  • รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลจะวิเคราะห์ผลกระทบของเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นต่อเศรษฐกิจและตอบสนองอย่างเหมาะสม การแข็งค่าของเงินเยนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งเชิงบวกและเชิงลบผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การจำหน่ายผู้ส่งออกในต่างประเทศ และต้นทุนการนำเข้าของครัวเรือนและธุรกิจ ทั้งนี้ จะพิจารณาผลกระทบของความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการเคลื่อนไหวของราคาที่มีต่อเศรษฐกิจและชีวิตของผู้คน และตอบสนองอย่างเหมาะสม
  • ฮ่องกงกำลังเตรียมเผยแพร่แนวทางการใช้ AI ในภาคการเงิน โดยเน้นเรื่องจริยธรรมและการประยุกต์ในการซื้อขาย วาณิชธนกิจ และสกุลเงินดิจิทัล รัฐบาลยังคงร่างกรอบการทำงานและรวบรวมความคิดเห็นจากภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะมีการหารือในฟอรัมการเงินฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคมถึง 1 พฤศจิกายน ทั้งนี้ รัฐบาลวางแผนที่จะประกาศนโยบายโดยละเอียดในปลายปีนี้เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบในด้านการเงิน
  • เดือนสิงหาคม การส่งออกภายในประเทศที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 10.7% YoY โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์ การเติบโตนี้ต่ำกว่าการคาดการณ์ 15% แต่ยังคงดำเนินต่อไปจากการเพิ่มขึ้น 15.7% ในเดือนกรกฎาคม หากพิจารณารายเดือน การส่งออกลดลง 4.7% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% การเติบโตนำโดยการส่งออกไปยังฮ่องกง จีน และมาเลเซีย ในขณะที่การขนส่งไปยังยุโรปและญี่ปุ่นลดลง
  • ยอดเกินดุลการค้าอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 3 เดือน มากกว่าคาด เนื่องจากการส่งออกขยายตัวเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ผู้ส่งออกถ่านหินให้ความร้อน น้ำมันปาล์ม และโลหะนิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานว่ามีการเกินดุล USD 2.89 bn. เดือนสิงหาคม เทียบกับที่คาดไว้ของ Reuters ที่ USD 1.96 bn. ซึ่งเกินดุลมากที่สุดนับแต่พฤษภาคม การส่งออกเดือนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 7.13% YoY ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 9.46% YoY

Stock Movement:

  • หุ้น Intel Corp. (INTC ND) ปิดบวก 2.68% หลังประกาศว่า หน่วยผลิตได้เซ็นสัญญาผลิตชิป AI แบบกำหนดเองสำหรับแผนกคลาวด์ของ Amazon. com Inc. (AMZN ND, +1.08%)
  • หุ้น Microsoft Corp. (MSFT ND) ขยับขึ้น 0.88% หลังจากคณะกรรมการของยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่าสูงสุด USD 60 bn. และเพิ่มเงินปันผล
  • หุ้น Walmart Inc. (WMT NYSE) ร่วงลง 2.43% หลังจาก Morgan Stanley ตั้งข้อสังเกตว่า สมาชิกของยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็นสถิติสูงสุดในเดือนสิงหาคม ซึ่งสอดคล้องกับคำอธิบายของผู้บริหารว่าสมาชิกยังคงเติบโตสองหลัก
  • หุ้น Virgin Galactic Holdings Inc. (SPCE NYSE) ร่วงลง 2.72% หลังจาก Morgan Stanley ลดเป้าหมายราคาของบริษัทการเดินทางอวกาศ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ของบริษัทถูกระงับจนถึงประมาณปี 2026
  • หุ้น EssilorLuxottica SA (EL EPA) ปิดลบ 1.25% ลงนามต่ออายุความร่วมมือกับ Meta Platforms Inc. (META ND, +0.57%) เพื่อพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ ความร่วมมือซึ่งเริ่มต้นในปี 2019 ได้เห็นความก้าวหน้าของแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban เวอร์ชันล่าสุดซึ่งเปิดตัวในช่วงปลายปีที่แล้ว แว่นตาเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้โทรออก ฟังเพลง และถ่ายรูป และเพิ่มฟีเจอร์ AI สำหรับลูกค้าในสหรัฐฯ และแคนาดา
  • หุ้น Universal Music Group NV (UMG AMS) ขยับลง 1.03% บริษัทคาดว่า อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ในกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ปรับปรุงแล้วมากกว่า 10% จนถึงปี 2028
  • หุ้น Kingfisher Plc. (KGF LON) ทะยานขึ้น 11.23% หลังจากที่ผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์ปรับปรุงบ้านในยุโรปรายงานกำไร 1H2024 ที่ทรงตัว สะท้อนถึงความต้องการที่อ่อนแอสำหรับการซื้อที่ใช้ดุลยพินิจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทเพิ่มแนวโน้มกำไรตลอดทั้งปี
  • หุ้น Flutter Entertainment Plc. (FLTR LON) ไต่ขึ้น 3.23% บริษัทกล่าวว่า จะซื้อ Snaitech ในราคา EUR 2.3 bn. รวมถึงหนี้จากกลุ่มเทคโนโลยีการพนัน Playtech Plc. (PTEC LON) เพื่อตอกย้ำตำแหน่งของบริษัทการพนันชั้นนำในอิตาลี ข้อตกลงดังกล่าวจะปิดตัวลงภายในช่วง 2Q2025 และจะเพิ่ม EPS ให้กับบริษัทซึ่งเป็นบริษัทการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลกทันที
  • หุ้น Geely Automobile Holdings Ltd. (0175 HK) ขยับบวก 0.55% Oriental Securities ได้ออกรายงานคงเรตติ้งหุ้นที่ Buy พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ HKD 11.53 และคาดการณ์ว่า EPS ของบริษัทประจำปี 2024 – 2026 จะอยู่ที่ Rmb 1.48, 0.94 และ 1.18 ตามลำดับ ยอดขายเดือนสิงหาคมแข็งแกร่ง ด้วยยอดขาย 181.2 k. คัน เพิ่มขึ้น 20.2% MoM และขยับขึ้น 21.5% YoY ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่เพิ่มขึ้น 64.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี และการส่งออกเพิ่มขึ้น 97.5% คาดว่ายอดขายของ Geely จะเติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม
  • หุ้น Pine Technology Holdings Ltd. (1079 HK) ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง 62.50% บริษัทคาดทำกำไรภายในเดือนมิถุนายน 2024 โดยมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า Rmb 40 m. ขณะที่ปีที่แล้ว มีผลขาดทุน Rmb 107.6 m. กำไรที่เพิ่มขึ้นเกิดจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง ไม่มีการด้อยค่าของสินทรัพย์ และกำไรจากการขายบริษัทย่อย
  • หุ้น China Resources Pharmaceuticals Group Ltd. (3320 HK) ปิดบวก 0.83% หลังจากรายงานผลประกอบการครึ่งปีแรก บริษัทได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-2030 ลง 7%-9% เนื่องจากยอดขายลดลง
Sources: aastocks, briefing, businesstimes, cnbc, investing, japantoday, nasdaq, ryt9, thestandard
- Advertisement -