ก.ล.ต.รุกแรง จัดการบอร์ดเก่า NUSA กล่าวโทษทุจริตต่อ DSI ทั้งการผ่องถ่ายเงินจากบริษัท เข้าบัญชีส่วนตัว และบุคคลใกล้ชิด ถึงแสดงเอกสาร ข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และ/หรือ ก.ล.ต. และผู้สอบบัญชี พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ล่าสุด มีกรรมการชุดเดิม ต้องหลุดจากตำแหน่ง ตามการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. ทางบริษัทจะดำเนินการต่อไป และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับผู้ถือต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการ อดีตกรรมการและผู้บริหาร บมจ.ณุศาศิริ (NUSA) และพวกรวม 6 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีธุรกรรมการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาไม่สมเหตุสมผลอย่างมีนัยสำคัญ ธุรกรรมการขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมทั้งการผ่องถ่ายเงินจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด และกรณีการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และ/หรือ ก.ล.ต. และผู้สอบบัญชี พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
โดยก.ล.ต. ได้รับเรื่องร้องเรียนในปี 66 จึงได้ทำการตรวจสอบรวมทั้งประสานกับ DSI และพบพยานหลักฐานที่แสดงได้ว่า ในช่วงปี 63 กรรมการและผู้บริหาร NUSA รวม 4 ราย ได้แก่ (1) นางศิริญา เทพเจริญ (2) นายวิษณุ เทพเจริญ (3) นายสมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์ และ (4) นายนนทวัชร์ ธนสุวิวัฒน์ ได้ร่วมกันกระทำการโดยทุจริตลงทุนซื้อโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี (Panacee) ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินที่ประเมินด้วยวิธีเปรียบเทียบราคาตลาด (Market approach) อย่างไม่สมเหตุสมผล และร่วมกันกระทำการโดยทุจริตขายห้องชุดซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน
รวมทั้งผ่องถ่ายเงินออกจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น จนทำให้ NUSA ได้รับความเสียหาย โดยมี (5) นางสาววรินภร จันทรโรจน์วานิช ซึ่งเป็นผู้ขายโรงแรม Panacee และ (6) นางโฉมสุดา รุ่งเรืองเนาวรัตน์ กรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทผู้ซื้อห้องชุดจาก NUSA เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือการกระทำความผิดของบุคคลตาม (1) – (4)
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่า เงินมัดจำค่าซื้อโรงแรมข้างต้นที่ NUSA ชำระให้แก่นางสาววรินภร ผู้ขายโรงแรม ไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชีของผู้ขาย แต่กลุ่มกรรมการและผู้บริหาร NUSA ได้แก่ นางศิริญา นายวิษณุ และนายนนทวัชร์ รวมถึงบุคคลใกล้ชิดเป็นผู้ได้รับประโยชน์ของเงินขายโรงแรมดังกล่าว
นอกจากนี้ ในชั้นการทำคำชี้แจงต่อ ก.ล.ต. ในกรณีข้างต้น กรรมการและผู้บริหารของ NUSA ในขณะกระทำผิดทั้ง 4 ราย ได้นำส่งพยานหลักฐานเอกสารและข้อมูลอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. โดยได้นำส่งรายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเป็นเท็จ เพื่อลวงไม่ให้ ก.ล.ต. ทราบมูลค่าที่แท้จริงตามบัญชีของโรงแรมดังกล่าว อีกทั้งยังพบว่า ได้ทำการตกแต่งบัญชีเพื่อลวงผู้สอบบัญชีของบริษัทให้เชื่อว่า NUSA ได้รับชำระหนี้ค่าห้องชุดครบถ้วนจากบริษัทผู้ซื้อแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้สอบบัญชีมีข้อสงสัยในการบันทึกบัญชีของธุรกรรมข้างต้น
การกระทำของกรรมการ NUSA กับพวกรวม 6 รายข้างต้น กรณีร่วมกันทุจริตในการเข้าซื้อโรงแรมที่ประเทศเยอรมนีและกรณีร่วมกันทุจริตการขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมทั้งผ่องถ่ายเงินออกจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิดดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 มาตรา 89/24 มาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 311 มาตรา 312 มาตรา 313 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) และมาตรา 83 หรือมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แล้วแต่กรณี
นอกจากนี้ กรณีการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. และการลวงผู้สอบบัญชี เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรามาตรา 302 มาตรา 302/1 และมาตรา 312 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 6 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้นต่อ ปปง. ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอีกด้วย
การถูกกล่าวโทษข้างต้นมีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจและไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี นับตั้งแต่วันที่ ก.ล.ต. มีหนังสือกล่าวโทษบุคคลดังกล่าวต่อ DSI
นอกจากนี้ ยังถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อไป และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว
ทางฝั่งของคณะกรรมการชุดใหม่ของ NUSA นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ กรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 มีมติอนุมัติการฟ้องร้องดำเนินคดี กับกรรมการและอดีตกรรมการของบริษัทฯ ทุกรายที่ร่วมกันลงมติเข้าซื้อโรงแรมต่างประเทศ ทั้งทางแพ่งอาญา รวมทั้งกรณีการทุจริตอื่นๆ และจะประสานงานกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้การดำเนินคดีดังกล่าว เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
“ครั้งนี้ ทาง ก.ล.ต. ทำงานได้รวดเร็วมาก ทางเรา จะให้ความร่วมมือ กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อให้การดำเนินคดีดังกล่าว เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น”
ทั้งนี้ มีกรรมการชุดปัจจุบันที่ถูกกล่าวโทษ คือ นายสมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์ ทำให้ขาดคุณสมบัติ นับตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2567 ทางบริษัทฯ จะดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขรายชื่อกรรมการใหม่ ต่อนายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ต่อไป
ที่ผ่านมา ทั้งทาง ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต.ได้ให้คณะกรรมการชุดเก่าชี้แจงถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการชุด ผ่านการประชุมตามมาตรา 100 ที่จัดโดย “กลุ่มนักลงทุนร่วมมือกัน” ปลดกรรมการชุดเก่าออกตำแหน่ง และตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เข้าดำรงตำแหน่ง และมีการต่อนายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แล้ว แต่ยังไม่มีการอนุมัติออกมาแต่อย่างใด